ภายในปี 2025 เกาะสตาเตนในนิวยอร์กจะได้รับการเสริมด้วยกำแพงสูงตระหง่านลัดเลาะไปตามชายฝั่งยาว 5.3 ไมล์หรือราว 8.5 กิโลเมตร นับเป็นงานวิศวกรรมที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันภัยคุกคามที่กำลังเพิ่มขึ้น
วิกฤตสภาพภูมิอากาศได้รับการคาดการณ์ว่าจะสร้างระบบอากาศะรุนแรงมากขึ้นทั่วโลกและบรรดาวิศวกรชายฝั่งกำลังืทำงานกันหนักเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เขื่อนแรกสร้างขึ้นถูกสร้างหลายร้อยปีก่อนแม้ว่าจะมียังใช้ง่นได้อยู่ในปัจจุบัน แต่้เป็นถกถียงกันว่าจะสามารถป้องกันความเสียหาชาสยฝั่งกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นในอยนาคตได้หรือไม่
มีรายงานเร็วๆ นี้จากทางการสหรัฐฯ รายงานว่า จะมีการลงทุนถึงกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ฯหรือ 12 ล้านล้านบาทเพื่อทำการปกป้องชายฝังทะเลในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งไท่เพียงแคต่สร้่าวงเขื่อน แต่ต้องบำรุวงรักษาเป็นประจำ
กำแพงใหม่ของเกาะสตาเตน
เมื่อพายุเฮอริเคน “แซนดี้” ได้ซัดกระหน่ำชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯในปี 2012 เกาะสตาเทนแห่งนี้ก็ถูกคลื่นซัดสาดเข้ามาซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ราย โดยในที่นิวยอร์คมีสถิติคลื่นสูงถึง 32.5 ฟุต ด้วยจำนวนประชากรเกือบครึ่งล้านคน 7 ปีต่อมาได้มีการระดมทุนถึง 615 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเลเขื่อนและกำแพงสามารถสู้กับน้ำท่วมถึง 20 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล
เขื่อนจะถูกสร้างขึ้นเพื่อทนต่อเหตุการณ์น้ำท่วมนานถึง 300 ปี และป้งกันได้สูงกว่าระดับสูงสุด 2 ฟุตที่บันทึกไว้ในช่วงพายุเฮอริเคนแซนดี้
กำแพงจะถูกสร้างขึ้นจากหินถุงสังเคราะห์ทางภูมิศาสตร์ที่เต็มไปด้วยทรายและ “ท่อทางภูมิศาสตร์” ซึ่งมีทรายและน้ำ ในบางกรณีถุงจะเต็มไปด้วยพืชจากพื้นที่ท้องถิ่น, พี.ไอ. ชีก พารีดธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัฒนาพื้นที่ชายฝั่งรัฐรัฐเกรละกล่าว
และการก่อสร้างจะเริ่มต้นในเร็วๆ นี้ แต่ไม่ใข่ช่วงมรสุมในเดือนสองเดีอนนี้