- นำร่องเปิดตัว 8 โครงการยกระดับการทำงาน
- ทั้งการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ-การคืนภาษีของนักท่องเที่ยว
- หวังลดขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยาก
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังกล่าวในงานลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ความร่วมมือการดำเนินโครงการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain)กับธนาคารกรุงไทยเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสถาปัตยกรรม เพื่อรองรับภารกิจหน่วยงานภาครัฐ ว่า กระทรวงการคลังเตรียมนำเทคโนโลยีระบบบล็อกเชน มาใช้กับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังเป็นที่แรก เพื่อใช้พัฒนาการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล การหาแหล่งเงินทุน การบริหารทรัพย์สินและการประมูลงาน ยกระดับประสิทธิภาพระบบงาน ลดขั้นตอน รวดเร็ว ปลอดภัย โปร่งใส และตรวจสอบได้
ทั้งนี้มีโครงการที่เชื่อมระบบบล็อกเชนแล้ว 8 โครงการ ได้แก่ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์(e-GP) การออมผ่านพันธบัตรรัฐบาล การคืนภาษีของนักท่องเที่ยว การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน สิทธิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ และระบบราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์
“หากนำระบบบล็อกเชนมาใช้จะช่วยอำนวยความสะดวกมาก เช่น การคืนภาษีของนักท่องเที่ยว (VAT Refunds for Tourists) จะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถรับภาษีคืนได้ภายใน 3 วันทำการ จากปกติใช้เวลา 34 วันทำการ ไม่ต้องถือเงินสดกลับประเทศ ลดการใช้กระดาษได้สูงสุด 10 ล้านใบต่อปี เป็นต้น”
ส่วน 9 หน่วยงานของกระทรวงการคลัง ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กรมธนารักษ์ กรมบัญชีกลาง กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงานบริการหนี้สาธารณะ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดทดลองเปิดระบบคืนภาษีของนักท่องเที่ยวตามจุดสำคัญของกรุงเทพและสนามบิน ตั้งแต่เดือนต.ค.61-ก.ย.2562 พบว่า ร้านค้ามียอดขายเพิ่มขึ้นจากกลุ่มนักท่องเที่ยวประมาณ 9.9% ของยอดขาย ซึ่งถ้าหากเปิดจุดคืนภาษีนักท่องเที่ยวในเมืองเป็นการทั่วไปได้ น่าจะกระตุ้นยอดขายในประเทศให้มากขึ้น
“กรมสรรพากรจะเร่งสรุปผลการทดลองระบบให้เสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ ก่อนจะเปิดระบบคืนภาษีของนักท่องเที่ยวเป็นการทั่วไปทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมีการคืนภาษี 2.7 ล้านราย จำนวนเงิน 50,000 ล้านบาท”