- ไทย-สหรัฐฯถกคณะกรรมการการค้า-ลงทุน
- จี้คุ้มครองแรงงานตามมาตรฐานสากล
- เปิดตลาดนำเข้าเนื้อหมูมีสารเร่งเนื้อแดง
สหรัฐฯจี้ไทยคุ้มครองแรงงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ และเร่งสรุปผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ สารเร่งเนื้อแดงในหมูมีผลต่อความปลอดภัยผู้บริโภคหรือไม่โดยเร็ว หวังให้ไทยเปิดตลาดนำเข้า ขณะที่ไทยจี้สหรัฐฯ เร่งตรวจสอบสุขอนามัย “ส้มโอ” ไทย หวังให้ส่งออกได้ และขอยกเว้นการขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย–สหรัฐฯ (ทิฟา เจซี) ร่วมกับนายคาร์ล เอทเลอร์ ผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) เมื่อวันที่ 22 ก.ค.62 ที่กรุงเทพฯว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการดำเนินนโยบายและมาตรการทางการค้า การค้าในยุคดิจิทัล การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองแรงงาน และแนวทางพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ส่วนเรื่องที่สหรัฐฯต้องการให้ไทยเปิดตลาดนำเข้าหมูเนื้อแดง และเครื่องในจากสหรัฐฯที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงแรคโตพามีนในการเลี้ยงนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ระหว่างร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ
“สหรัฐฯ ได้หารือความคืบหน้าเรื่องการปฏิรูปการคุ้มครองแรงงานไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ และการพิจารณาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้สารแรคโตพามีน ต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ซึ่งทั้ง 2 เรื่องยังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยสหรัฐฯ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำงานร่วมกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นประเด็นที่สมาพันธ์สหภาพแรงงานสหรัฐฯ และสมาคมผู้ผลิตสุกรสหรัฐฯ ได้ยื่นขอให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) แก่ไทย”
นอกจากนี้ ไทยได้ใช้โอกาสนี้ ขอให้สหรัฐฯ เร่งกระบวนการตรวจสอบสุขอนามัยส้มโอไทย เพื่อให้ไทยส่งออกส้มโอไปตลาดสหรัฐฯ ได้ ซึ่งสหรัฐฯ แจ้งว่า การตรวจสอบส้มโอยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ รวมถึงไทยยังได้สอบถามถึงกรณีที่ได้ขอให้สหรัฐฯยกเว้นการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากไทยภายใต้มาตรา 232 กฎหมายการค้าของสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯแจ้งว่า การจะพิจารณายกเว้นเก็บภาษีนำเข้าให้กับประเทศใด ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ