- สหภาพไปรษณีย์ทนไม่ไหวรุกขึ้นมาเรียกร้องให้ชะลอโครงสร้างใหม่
- จี้บอร์ดและฝ่ายบริหารเร่งหาช่องทางเพิ่มรายได้
- 5 เดือนรายได้11,894 ล้านบาทกำไร1,015 ล้านบาทพาดเป้าพันล้านบาท
นายวิเลิศการสะสมประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด(สรร.ปณท.)เปิดเผยว่าสหภาพฯได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงคณะกรรมการ(บอร์ด) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ขอให้ทบทวนและชะลอการบังคับใช้โครงสร้างองค์กรใหม่ออกไปก่อนเนื่องจากไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและยังทำให้เกิดความสับสนในการทำงานของพนักงานด้วย
ทั้งนี้การปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ครั้งนี้ไม่สอดคล้องไม่เหมาะสมกับงานไปรษณีย์ไทยแต่อย่างใดขณะเดียวกันฝ่ายบริหารและบริษัทที่ปรึกษาไม่ได้ศึกษารายละเอียดและไม่ได้รับฟังความคิดเห็นจากพนักงานทำให้โครงสร้างใหม่ที่ออกมานั้นเกิดปัญหาในระดับปฎบัติงานอย่างแน่นอนขณะเดียวกันบอร์ดไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอนุมัติให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลเพราะฉนั้นควรรอรัฐบาลใหม่มาพิจารณาน่าจะเหมาะสมกว่า”
“ส่ิงที่บอร์ดและฝ่ายบริหารควรทำแต่ไม่ทำ คือการสร้างรายได้เพิ่มเติมเพราะขณะนี้คู่แข่งขันมีมากขึ้น ขณะที่รายได้และกำไรของไปรษณีย์ไทยลดลงอย่างต่อเนื่องซึ่งการปรับโครงสร้างองค์กรไม่จำเป็นเลยแต่ถ้าปรับประสิทธิภาพการทำงานเพื่อเพิ่มรายได้จำเป็นกว่าแต่ไม่เร่งทำ”
นายวิเลิศกล่าวว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตรวจสอบและยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีให้ตรวจสอบการบริหารงานของกรรมการผู้จัดการใหญ่ตั้งแต่ปี2560 จนถึงปัจจุบันยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนทำให้เกิดประเด็นคำถามจากพนักงานไปรษณีย์ทั้งการสร้างตู้ไปรษณีย์ขนาดยักษ์ริมถนนแจ้งวัฒนะมูลค่า7 ล้านบาทซึ่งไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด
นอกจากนี้การไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของคณะรัฐมนตรี(ครม.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม( ดีอี)เกี่ยวกับโครงการแอปพลิเคชันระบบบริหารงานณจุดขาย(Point of Sale : POS) สำหรับร้านค้าสมาชิกมีระบบการชำระเงินและการขนส่งตามโครงการให้แก่ร้านค้าชุมชนที่มีความเหมาะสมและผ่านการคัดเลือกจากคณะทำงานให้เป็นจุดติดตั้งระบบงานและอุปกรณ์POS เพื่อให้บริการแก่สมาชิกชุมชนซึ่งเป็นการต่อยอดโครงการอินเตอร์เน็ตประชารัฐซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาแต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุป
นอกจากนี้ยังมีความล่าช้าในโครงการติดตั้งระบบเคาน์เตอร์ใหม่(New CA POST) และRFID เพื่อเพิ่มประสิทธิ์รายได้ให้องค์กรนั้น ปัญหานี้ก็ไม่ได้รับการแก้ไขและไม่มีการชี้แจ้งข้อเท็จจริงแต่อย่างใดโดยกระทรวงดีอีได้มอบหมายให้น.อ.สมศักดิ์ขาวสุวรรณ์รองปลัดกระทรวงดีอีเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจนถึงขณะนี้ก็ไม่มีข้อสรุปแต่อย่างใดซึ่งโครงการNew CA Post เป็นโครงการที่มีความสำคัญมากต่อไปรษณีย์แต่กลับมีความล่าช้าในการดำเนินงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริษัทไปรษณีย์ไทยจำกัด(ปณท.)ว่าจากสถานการณ์ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์มีการแข่งขันดุเดือดมากเนื่องจากมีผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด่วนเพิ่มขึ้นจำนวนมากทั้งไทยและต่างชาติซึ่งเป็นการเติบโตตามมูลค่าการซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์ซึ่งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมการอิเล็กทรอนิสก์(องค์กรมหาชน)หรือสพธอ.(เอ็ดด้า) ประเมินไว้ว่าปี2562 มูลค่าการซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์จะเพิ่มขึ้นมากกว่า3.2 ล้านล้านบาท
ขณะที่รายได้ของไปรษณีย์ไทยกลับลดลงและไม่เป็นไปตามเป้าหมายโดยในช่วง 4 เดือน(ม.ค.-เม.ย. 62) มีรายได้9,551 ล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน163 ล้านบาทมีรายได้ที่9,714 ล้านบาทและต่ำกว่าเป้า952 ล้านบาทซึ่งเป้ารายได้4 เดือนกำหนดไว้ที่10,503 ล้านบาท ขณะที่รายได้และกำไรของไปรษณีย์ไทยในช่วง5 เดือน(ม.ค.-พ.ค.62) มีรายได้11,894.59 ล้านบาทกำไร1,015 ล้านบาทซึ่งทั้งรายได้และกำไรลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วและไม่เป็นไปตามเป้าที่กำหนดไว้ว่า 5 เดือนจะมีรายได้13,145 ล้านบาทกำไร1,745 ล้านบาท และอาจส่งผลให้รายได้ทั้งปีไม่ถึง30,000 ล้านบาท