สหภาพการบินไทยยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอมีส่วนร่วมในแผนฟื้นฟู ให้คงสภาพการจ้างพนักงาน



  • ค้านแยกหน่วยธุรกิจ
  • ค้านพ้นสภาพเป็นรัฐวิสาหกิจ
  • ชี้เป็นสายการบินแห่งชาติ ต้องเป็นหนึ่งเดียว

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2563 เวลา 12.30 น.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สหภาพการแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้มายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อแสดงจุดยืนของสหภาพฯต่อกรณีแผนฟื้นฟู บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือแทน

นายนเรศ ผึ้งแย้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสากิจการบินไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณว่าแผนฟื้นฟูครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย สหภาพฯจึงต้องออกมาแสดงจุดยืน ซึ่งสหภาพฯเห็นด้วยกับแผนฟื้นฟูเพราะเป็นทางรอดทางเดียวของการบินไทย แต่ถ้าให้การฟื้นฟูครั้งนี้เกิดประสิทธิภาพได้จริง ในส่วนของพนักงานการบินไทย 20,000 คนที่มีสหภาพฯเป็นตัวแทน ขอให้มีสหภาพฯหรือพนักงานที่สหภาพฯเห็นว่ามีความสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมการดำเนินการในทุกขั้นตอน ถึงจะเกิดประโยชน์ต่อบริษัทและและเป็นพนักงานการบินไทยอย่างแท้จริง และให้เกิดความเชื่อมั่นกับนายกรัฐมนตรีและประชาชนว่าแผนฟื้นฟูครั้งนี้จะฟื้นฟูได้จริง เพราะแผนฟื้นฟูการบินไทยในปี 2558 ก็เคยกู้เงินไปครังหนึ่งแล้วต้องกลับมากู้เงินใหม่อีก

“พนักงานในองค์กรทุกคนยินดีให้ความร่วมมือ ในอดีตมีการฟื้นฟู 3 ครั้งแต่พนักงานไม่เคยได้มีส่วนร่วมและไม่มีโอกาสได้รับรู้ ครั้งนี้ก็ขอบคุณท่านนายกฯที่ให้โอกาสถามถึงพนักงานและสหภาพฯ หากท่านอนุมัติแผนฟื้นฟูไป สหภาพฯและพนักงานไม่ให้ความร่วมมือแล้วมันจะเกิดได้อย่างไร ก็เหมือนกับให้เงิน 50,000 ล้านบาทไปก็จบเหมือนเดิม ฉะนั้น คนในองค์กร 20,000 กว่าคนจึงขอมีตัวแทนเข้าไปร่วมในตรวจสอบการปฏิบัติตามแผนฟื้นฟู ซึ่งท่านนายกฯบอกเป็นครั้งสุดท้าย การต้องขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูองค์กร ถ้ามันจะจบ ขอให้เราร่วมจบไปกับบอร์ดและผู้บริหารในองค์กรด้วย อย่าไปจบเพราะคนอื่นมากำหนดให้เราจบ ครั้งนี้เราไม่ยอมจบง่ายๆ เราจะสู้ต่อ”

ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสากิจการบินไทย กล่าวต่อไปว่า แผนฟื้นฟูองค์กรก็ต้องเป็นไปตามที่การบินไทยทำเสนอกระทรวงคมนาคมเสนอ ผ่านไปยังคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) เพียงแต่ความเชื่อมั่นในการทำให้แผนไปสู่ความสำเร็จจะต้องมีกระบวนการมีส่วนร่วมของพนักงาน เพราะแผนนี้เป็นแค่แผนในกระดาษ มีหลักการจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ขั้นตอนการปฏิบัติจะปฏิบัติตามจริงหรือไม่ ต้องมีพนักงานช่วยตรวจสอบ จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาแผนฟื้นฟูการบินไทย มีการกู้เงินก็จริงแต่ไปทำอีกอย่าง

“ในครั้งนี้ถาวร เสียนเนียม รมช.คมนาคม ก็ให้สหภาพฯได้เห็นแผนฟื้นฟูว่าจะลดพนักงาน และจำนวนเครื่องบินขนาดไหน ทุกอย่างกระทบกับเรา เพราะถ้าหากพนักงานไม่ให้ความร่วมมือแผนเดินต่อไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าเกิดว่าเราได้ร่วมในกระบวนการทำแผนกับบอร์ดและฝ่ายบริหารก็จะเป็นไปได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปเริ่มต้นทำแผนใหม่เพราะผ่าน คนร.มาแล้ว ทางสหภาพฯก็เห็นแล้วเพียงแต่ขอให้พนักงาน 20,000 คนจัดตัวแทนเข้าไปมีส่วนร่วมในการเดินแผนไปสู่ภาคปฏิบัติ หลักๆง่ายๆ เลยแผนฟื้นฟูการบินไทยทำมาหลายครั้งแล้ว แต่การปฏิบัติจริงไม่มีการตรวจสอบว่าเป็นไปตามแผนของกู้เงินหรือไม่ ดังนั้นคนที่จะตรวจสอบได้ดีที่สุดก็คนในบ้านาเงินที่กู้มา 50,000 ล้านบาทได้ใช้อย่างคุ้มค่าจริง ไม่ใช่ไปสร้างหนี้ใหม่ เมื่อเป็นโอกาสสุดท้ายของเราแล้วก็ขอเราเข้าไปช่วยด้วย”

ส่วนที่มีการวิจารณ์กันว่า รัฐบาลเข้าไปอุ้มการบินไทย ต้องเข้าใจว่าการบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจ การกู้เงินแต่ละครั้ง ระบบเดิมรัฐบาลเป็นคนกู้เงินให้เราแล้วรัฐบาลเป็นหนี้แทนเรา เป็นหนี้สินของประเทศ แต่ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมารัฐบาลได้ผลักหนี้ของรัฐวิสาหกิจไปเป็นของตัวรัฐวิสาหกิจเอง ดังนั้น เงินทุกบาททุกสตางค์ เป็นเงินกู้แค่รัฐบาลค้ำประกันให้ พวกเราต้องเป็นคนหาจ่ายเอง หากแผนฟื้นฟูไม่สำเร็จ ถ้าเรามีส่วนร่วมลงเรือลำเดียวกันแล้ว เรือมันจะจมเราก็จะต้องยอมตายในเรือลำนั้น นายกฯบอกว่าโอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว เราจะขอร่วมขบวนการช่วยอุดเรือลำนี้ด้วย เราจะพยายามอุดให้อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในหนังสือที่ยื่นถึงนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้มีการคุ้มครองสิทธิประโยชน์รวมถึงสวัสดิการของพนักงานทุกคนให้มีสภาพจ้างงานตามกฏหมายว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และกฎหมายคุ้มครองแรงงาน รวมทั้งแสดงความเห็นด้วยที่จะปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย กำจัดอิทธิพลทางการเมือง ต่อต้านทุจริตคอรัปชั่น รวมถึงการลดขนาดขององค์กร อย่างไรก็ตาม มีข้อความระบุว่าในแผนฟื้นฟูที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต้องไม่กระทบกับสภาพการจ้างงานของพนักงาน และขอแสดงเจตนารมณ์คัดค้านการแปรรูปบริษัทด้วยการแบ่งหน่วยธุรกิจของบริษัทออกจากกัน และการให้การบินไทยพ้นการเป็นรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากการบินไทยเป็นสายการบินแห่งชาติต้องเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น