- หลังพบภาพถ่ายไม่ตรงบัตรประชาชนจำนวนมาก
- “กรุงไทย”รีบแก้ไขแอปภายใน2วันให้ยืนยันใบหน้าเร็วขึ้น
- พรุ่งนี้ยังตื่นมาลงทะเบียน”ชิมช้อปใช้” ได้อีก2 ล้านคน
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในช่วง 10 วันแรก ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 1 ต.ค.62 มีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ “ชิมช้อปใช้” เต็มตามโควตา 1 ล้านรายทุกวัน โดยวานนี้(2ต.ค.) มีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ครบ 1 ล้านรายตั้งแต่เวลา03.06 น. เร็วกว่าเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมาซึ่งครบ 1 ล้านราย ในเวลา 03.14 น.
โดยในจำนวนมีผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านวันละประมาณ 200,000 ราย หรือคิดเป็นจำนวน 2 ล้านราย ดังนั้นประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์www.ชิมช้อปใช้.comเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่ 15 พ.ย. นี้ หรือ จนกว่าจะครบ 10 ล้านราย
ทั้งนี้สศค.ได้ตรวจสอบสิทธิ์ผู้ลงทะเบียน 7 วันแรก(23-29ก.ย.)เสร็จสิ้นแล้ว โดยมีผู้ได้รับสิทธิ์ทั้งสิ้น 5.53 ล้านราย ซึ่งผู้ลงทะเบียน 6 วันแรกได้รับข้อความ SMS ยืนยันสิทธิ์ภายใน 3 วันทำการแล้วจำนวน 4.72 ล้านราย สำหรับอีก 814,776 ราย จะได้รับภายในวันที่ 2 ต.ค.นี้
“ปัญหาการยืนยันตัวตนผ่านแอป “เป๋าตัง” พบว่า ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับแสงที่อาจสว่างเกินไปหรือผิดตำแหน่งในขณะถ่ายภาพ รวมทั้งการถ่ายโดยใช้แอปพลิเคชันตกแต่งภาพ ทำให้ภาพสวยเกินจริง ไม่เหมือนกับบัตรประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทยได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จวันละกว่า 5,000 ราย และมีผู้ไปยืนยันตัวตนผ่านธนาคารแล้วกว่า 200,000 ราย โดยขณะนี้ธนาคารกรุงไทยอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบการยืนยันตัวตนให้รวดเร็วขึ้น คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน”
ส่วนปัจจุบันมีผู้เข้ายืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้ว 3.90 ล้านราย โดยยืนยันตัวตนสำเร็จ 2.71 ล้านราย ส่วนอีก 821,149 ราย ยังไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชัน ส่วนผู้ที่ได้รับ SMS แล้วจะต้องใช้จ่ายภายใน 14 วันหลังจากได้รับข้อความ ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายได้ถึงวันที่30พ.ย.2562
สำหรับการใช้จ่าย 5 วันแรก(27ก.ย.-1ต.ค.62) มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 706,450 ราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 628 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านแอป “เป๋าตัง” ช่อง 1 ซึ่งจะมีวงเงินให้ใช้จำนวน 1,000 บาท ปัจจุบันมีการใช้จ่ายแล้ว 621 ล้านบาท แบ่งเป็น การใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป” อาทิ ร้านในกลุ่ม OTOP ร้านวิสาหกิจชุมชน และร้านธงฟ้าประชารัฐเกิน 50% หรือประมาณ 330 ล้านบาท
ส่วนร้าน “ชิม” หรือร้านอาหารและเครื่องดื่ม มียอดใช้จ่ายประมาณ 98 ล้านบาท ร้าน “ใช้” เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ เป็นต้น มียอดใช้จ่ายประมาณ 10 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป มียอดใช้จ่าย 183 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขาประมาณ 142 ล้านบาท หรือเพียง 22% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการรายใหญ่แน่นอน
ทั้งนี้การใช้จ่ายในกระเป๋าเงิน ช่องที่ 2 ซึ่งจะมีการคืนเงิน 15% ของยอดการใช้จ่ายรวม สูงสุดไม่เกิน 4,500 บาท วงเงินรวม 30,000 ล้านบาทนั้น มีผู้ใช้สิทธิ์แล้วจำนวน 2,962 ราย มียอดใช้จ่ายประมาณ 7.5 ล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละประมาณ 2,532 บาท โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป” ประมาณ 5 ล้านบาท ส่วนร้าน “ชิม” และร้าน “ใช้” มียอดใช้จ่ายใกล้เคียงกันที่ประมาณ 1 ล้านบาท