

- “สรรพากร” ศึกษาข้อดี-ข้อเสียนโยบายภาษีรัฐชุดใหม่
- เผยหากลดภาษีบุคคลธรรมดาลง10% ต้องยกเลิกค่าลดหย่อนภาษีบางส่วน
- หวั่นกระทบเสถียรภาพการคลัง-รายได้หด
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวหลังจัดประชุมสัมมนาผู้บริหารกรมสรรพากร ทั่วราชอาณาจักร ว่า ปัจจุบันกรมสรรพากรกำลังเร่งศึกษาและวิเคราะห์นโยบายภาษีของรัฐบาลชุดใหม่ว่ามีข้อดีและข้อเสีย รวมถึงผลกระทบที่จะตามมาหากดำเนินการตามนโยบายเหล่านี้อย่างไร
สำหรับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่เสนอให้ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลง 10% นั้น ถ้าหากจะมีการลดภาษีจริง กรมสรรพากรอาจต้องมีการพิจารณา เสนอแนวทางลดหรือเลิกรายการลดหย่อนภาษีบางรายการลง จากที่กรมสรรพากรให้สามารถนำรายจ่ายบางประเภทมาหักลดหย่อนภาษีได้ อาทิ ค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) ค่าเลี้ยงดูบุตร ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นต้น
“การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ช่วยประชาชนก็จริง แต่จะกระทบกับรายได้ของกรมสรรพากรรวมทั้งอาจกระทบถึงเสถียรภาพการคลัง ดังนั้นสิ่งที่กรมสรรพากรต้องทำคือหาว่ามาตรการเหล่านี้จะกระทบรายได้จำนวนเท่าใด และต้องนำมาตรการอะไรมาชดเชยเพื่อรักษาเสถียรภาพการคลัง”
ส่วนเรื่องอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต)นั้น ปัจจุบันอยู่ที่อัตรา 7% และขณะนี้ทางกรมสรรพากรยังไม่มีแนวคิดจะปรับเพิ่มหรือลดแวต เนื่องจากเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งการปรับเพิ่มแวตหรือลดแวตนั้นจะมีผลกระทบตามมาอีกมาก เพราะปัจจุบันรายได้จากแวตถือเป็นรายได้อันดับหนึ่งของกรมสรรพากร ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 40%ของรายได้ อย่างไรก็ตามหากมีการลดแวต เพียงแค่ 1% จะกระทบการต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร 70,000 ล้านบาท
สำหรับในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.2561 – พ.ค 2562) กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีสรรพากรได้จำนวน 1.22 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณถึง 38,015 ล้านบาท โดยกรมสรรพากร มั่นใจว่าทั้งปีจะเก็บภาษีได้ตามเป้า 2 ล้านล้านแน่นอนแม้จะประสบปัญหาเศรษฐกิชะลอตัว และสงครามการค้าสหรัฐอเมริกาและจีน ส่วนปี 2563 กรมสรรพากรตั้งเป้าจัดเก็บภาษีที่ 2.1 ล้านล้านบาท
“รายได้ของกรมสรรพากรที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนสำคัญมาจากการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ การวิเคราะห์ข้อมูล(data analytics) เพื่อใช้ในการบริหารความเสี่ยง ป้องกันและตรวจสอบการเสียภาษี การพัฒนาเกณฑ์ประเมินความเสี่ยงของผู้เสียภาษี(Risk Based Audit) เพื่อคัดแยกผู้เสียภาษีที่ดีกับไม่ดีออกจากกัน โดยผู้เสียภาษีที่ดีจะได้รับการ อำนวยความสะดวก เช่นคืนภาษีเร็วขึ้น ส่วนผู้เสียภาษีที่ไม่ดี ก็จะถูกตรวจสอบภาษีที่เข้มข้นขึ้น เป็นต้น “
สำหรับในครึ่งปีหลัง กรมสรรพากรจะนำระบบดิจิทัลมาช่วยอำนวยความสะดวกในการเสียภาษี โดยเฉพาะนิติบุคคล ที่เปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมจัดทำระบบการเสียอากรแสตมป์สำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ การพัฒนาระบบการออกใบกำกับภาษี/ใบเสร็จภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-tax invoice/e- receipt) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ การนำระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่มาตรวจจับพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษีอากร (tax fraud) และจับคนที่ทำใบกำกับภาษีปลอม