สมอ. กำหนดมาตรฐานกระจกจำนวน 4 ชนิด เป็นมาตรฐานบังคับ

  • รุกคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภค
  • เพิ่มคุณภาพแข็งแรง-แตกไม่ให้หลุดร่วง
  • แนะเลือกซื้อสินค้าท่ีมีตรามอก.

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์กระจก มีการนำไปใช้งานในการก่อสร้างและประดับตกแต่งทั้งภายใน และภายนอกอาคาร บ้านพักอาศัย     คอนโดมีเนียม อาคารสำนักงาน ร้านค้าทั่วไป ห้องแสดงสินค้า และเป็นส่วนประกอบในการผลิตประตู หน้าต่าง รวมทั้งนิยมนำไปใช้เป็นโครงสร้างผนังกระจกสูงขนาดใหญ่ตามอาคารต่างๆ เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน

สำหรับผลิตภัณฑ์กระจกโฟลตใส ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(มอก.) 880-2560  และกระจกโฟลตสีตัดแสง มอก. 1344-2560  เป็นผลิตภัณฑ์ที่ สมอ. กำหนดเป็นมอก. บังคับอยู่ก่อนแล้ว และมีการปรับมาตรฐานอีกครั้ง เพื่อให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับเทคโนโลยีและการใช้งานปัจจุบัน และยังได้กำหนดมาตรฐาน ในกลุ่มกระจกจากเดิมเป็นมาตรฐานทั่วไปกำหนดใหม่เ ป็นมาตรฐานบังคับเพิ่มเติมอีก 2 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานกระจกเทมเปอร์       มอก. 965-2560 และมาตรฐานกระจกนิรภัยหลายชั้น มอก.1222-2560 

ท้ังนี้ มาตรฐานความปลอดภัย ในการใช้งานของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ได้แก่ กระจกจะต้องมีความแข็งแรงทนต่อแรงกระแทก ทนแสง ทนความร้อน และเมื่อแตกจะต้องไม่ก่อให้เกิดอันตราย โดยกระจกเทมเปอร์เมื่อแตกจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ส่วนกระจกนิรภัยเมื่อแตก จะติดกับแผ่นฟิล์มซึ่งทำหน้าที่ยึดเกาะกระจกที่แตกไม่ให้หลุดร่วง 

ขณะเดียวกัน ล่าสุด คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) ได้มีมติเห็นชอบกำหนดมาตรฐานกระจกทั้ง 4 ชนิด ให้เป็นมาตรฐานบังคับ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือนเม.ย.ท่ีผ่านมา โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 365 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 

“มาตรฐานกระจกโฟลตใส และกระจกโฟลตสีตัดแสง มีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันที่ 5 เม.ย.2563 ส่วนมาตรฐานกระจกเทมเปอร์ และมาตรฐานกระจกนิรภัยหลายชั้น มีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันที่ 4 เม.ย.2563 จึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการทั้งผู้ทำและผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ให้รีบดำเนินการตามมาตรฐานดังกล่าว หากตรวจพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที”

สำหรับ ในการกำหนด แก้ไข ปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่างๆ  เป็นไปเพื่อให้มาตรฐานมีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงให้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ มีคุณภาพที่ดีขึ้นตามการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าขึ้น เพื่อส่งเสริมคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายใน ประเทศ รวมทั้งคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้งาน จึงขอฝากถึงผู้บริโภคให้เลือกซื้อสินค้าที่แสดงเครื่องหมายมาตรฐานมอก. ซึ่งติดอยู่บนตัวสินค้า จึงจะมั่นใจได้ว่าสินค้ามีความปลอดภัยในการใช้งาน