

- แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน 2 ปี
- โจทก์ขอบคุณศาลให้ความเป็นธรรม
- ชี้ความจริงปรากฏตามคำพิพากษา
ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษา กรณีที่บริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด และกลุ่มบริ ษัทในเครือรวม 4 รายร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์อดีต ส.ส.นครนายกฯ 4 สมัย พรรคประ ชาธิปัตย์ และอดีตรองประธานอนุกรร มาธิการวิสามัญศึกษา เสนอแนะมาตร การ และกลไกการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิ รูปประเทศ(สปท.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษ ณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328
ตามฟ้อง โจทก์ ระบุ พฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2559 จำเลยดูหมิ่นโจทก์ทั้งสองโดยการโฆษณา ด้วยการแถลงข่าว หรือ ป่าวประกาศเผยแพร่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ รวมทั้งข้าราชการประจำรัฐสภาและประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นบุคคลที่สามที่รับฟังการแถลงข่าวของจำเลย ภายในบริเวณรัฐสภา โดยยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโจทก์ทั้งสองอันเป็นความเท็จว่า
จำเลยได้ไปพบเรื่องสำคัญว่าบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ ไม่ได้เป็นผู้ซื้อซองประกวดราคา ไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาเชิงเทคนิค หรือขั้นตอนการประกวดราคาใดๆทั้งสิ้นเลย
คณะกรรมการมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2548 และ เข้าบอร์ดอนุมัติเพื่อเซ็นสัญญากับ คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เท่านั้น แต่เวลาลงนามในสัญญาบริษัทคิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ กลับมาลงนามในสัญญาแทน และเพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ก่อนลงนามสัญญาแค่สองวันเพราะฉะนั้นสัญญานี้ ตั้งแต่เริ่มมีการเซ็นเกิดขึ้นตั้งแต่ 2548 เป็นต้นมาจึง ถือเป็นสัญญาที่นับเป็นสัญญาพี่โมฆะมาตั้งแต่เริ่มแรก และผิดกฎหมายหลายฉบับจำเลย ยังแถลงด้วยว่า หากรัฐบาลชุดนี้ เรียกสินทรัพย์บางส่วนที่เสียหายไปหลายหมื่นล้านบาทกลับคืนมาได้ ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปขึ้นภาษีโรงเรือนหลายพันล้านบาท
ทั้งนี้โดยความเป็นจริงแล้ว จำเลยได้รู้หรือควรรู้แล้วว่าในการเข้าประมูลสัมปทานพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นการประ มูลโดยเปิดเผย ตรวจสอบได้ และมีผู้เข้าร่วมประมูล 5 กลุ่มขณะที่จำเลยแถลงข่าว ในฐานะประ ธานอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษาฯ สปท.มีหน้าที่ในการศึกษาและเสนอแนะมาตรการ และกลไกในการปราบรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ ไม่ใช่มี หน้าที่แถลงข่าว หรือ ป่าวประกาศโฆษ ณาเผยแพร่ออกสู่ประชาชนทั่วไปเหตุเกิดที่แขวงอู่ทองในเขตดุสิต กทม.
ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ และจำเลยแล้ว มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า การที่จำเลยได้รับการแต่งตั้งเป็น รองประธานคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษาฯสปท.นั้น จำเลยมีสิทธิ์จัดแถลงข่าวหรือไม่ เห็นว่าแนวทางการให้กรรมาธิการปฏิบัติตามข้อบังคับ สปป.ข้อ 81 วรรคท้าย ห้ามไม่ให้มีการแถลงข่าวต่อสื่อ มวลชน หากมีเหตุจำเป็นให้ประธานหรือโฆษกเป็นผู้จัดการแถลงข่าวการที่จำเลยอ้างว่ามีเหตุจำเป็น และมีการเสนอเรื่องให้ ประธานฯทราบแล้วนั้น เป็นเพียงการบอกว่า จะไปแถลงข่าวไม่ใช่การอนุญาตให้มีการแถลงข่าวและแม้จำเลยอ้างว่า ได้รับการแต่งตั้งให้ไปตรวจสอบการทุจริต
ดังนั้นการที่จำเลยแถลงข่าวก็เป็นไปในทำนองวินิจฉัยความผิดเสียเอง ส่วนที่จำเลยอ้างว่า การกระทำของโจทก์ทำ ให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า สองหมื่นล้านบาท ก็เป็นการคาดคะเนของจำเลยเท่านั้น โดยการแถลงข่าวของจำเลยกรณีดังกล่าวใน 8 ครั้งโดยมีข้อความลักษณะยืนยันให้ร้ายบริษัทโจทก์ทั้งสี่ จึงเป็น การทำให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น และเมื่อยังปรา กฏว่าข้อความที่แถลงนั้น ถูกเผยแพร่ ไปยังสื่อมวลชน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาตามมาตรา 328 ด้วย
จึงพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 328 ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ให้จำคุก 8 กระทงๆละ 1 ปีเป็นจำคุกทั้งสิ้น 8 ปี และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาลงหนังสือพิมพ์มติชน ข่าว สด เดอะเนชั่น สยามรัฐ และ คมชัดลึก ด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อศาลพิเคราะห์พฤติ การณ์แล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีเจตนาเป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และจำเลยไม่เคยต้องโทษ จำคุกมาก่อน สมควรให้โอกาสกลับตัวโทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
ภายหลังคำพิพากษาแล้ว นายชาญชัย จำเลย กล่าวว่า คดีนี้ศาลพิพากษาจำคุกแต่ให้รอลงอาญาไว้ซึ่งตนเคารพศาล แต่ก็ยังมีความเห็นต่าง เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลอาญากรุงเทพใต้กับศาลแพ่งที่ตนถูกบริษัท คิง เพาเวอร์ ฟ้อง ไว้เคยวินิจฉัยให้ยกฟ้องในคดีมูลเหตุลักษณะเดียวกัน
ดังนั้นตนจะใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ต่อไปโดยยืนยันว่า การที่ออกมาพูดเป็นการตรวจสอบเพื่อรักษาผลประ โยชน์ของประเทศ ด้าน นายบัญชา ปรมีคณาภรณ์ทนายความของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์โจทก์ กล่าวว่า ขอขอบคุณศาลอาญาที่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงโดยละเอียด และให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารทอท.ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนที่ฟังการแถลงข่าวของจำเลยตลอดมาเข้าใจผิดคิดว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และผู้บริหารทอท.ร่วมกันทุจริต หลีกเลี่ยงการส่งประโยชน์เข้าร้,หลายหมื่นล้าน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากเป็นที่สนใจของภาครัฐ และภาคเอกชน ดังนั้นความจริงจึงปรากฏตามคำพิพากษาของศาลอา ญาดังปรากฏ