ศธ.เผยเปิดเรียน 5 วันทั้งครู-นร.หลายจังหวัดติดโควิดเพิ่ม



  • ชี้ส่วนใหญ่ต้นตอจากผู้ปกครอง
  • ยันยังไม่พบการแพร่ระบาดในรร.
  • ฉีดวัคซีนให้ครูแล้วกว่าแสนคน

วันที่ 19 มิ.ย.2564 นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้หารือร่วมกับนพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยนายสุภัทรกล่าวว่า หลังจากเปิดภาคเรียนมาตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีครูและนักเรียนติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นในหลายจังหวัด ส่วนใหญ่จะเป็นการติดเชื้อจากผู้ปกครอง ยังไม่พบว่ามีการติดเชื้อจากนักเรียนกับนักเรียน กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จึงได้บูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการตรวจและติดตามประเมินผลการจัดการเรียนการสอน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการทั้งสองกระทรวง โดยศึกษาธิการภาคร่วมกับผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข ทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบ ติดตาม การดำเนินการตามมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังของกรมอนามัย เพื่อดูว่าแต่ละโรงเรียนได้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังของกรมอนามัยหรือไม่ จากนั้นจะต้องสร้างความเข้าใจและเพื่อหามาตรการป้องกันต่อไป

นางเกศทิพย์ ศุภวานิช ผู้ตรวจราชการ ศธ. และโฆษก ศธ. กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่ต้องดำเนินการให้มีความเข้มข้นในขณะนี้ คือ ขอให้ทุกคนประเมินความเสี่ยงผ่านระบบไทยเซฟไทย (Thai Save Thai) ด้วยตนเองก่อนออกจากบ้านทุกวัน เพื่อประเมินความเสี่ยงการแพร่เชื้อให้กับคนอื่น ซึ่งจะต้องย้ำให้โรงเรียนเฝ้าระวังและปฏิบัติตามอย่างจริงจัง รวมถึงการล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม รวมถึงการดำเนินตามแผนเผชิญเหตุและการเฝ้าระวัง ติดตาม แนวทางการปฏิบัติ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด ทั้งนี้ รัฐบาลและ ศธ.ได้เห็นความสำคัญของครู จึงได้มีการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ให้กับครู เป็นอันดับต้นๆ โดยขณะนี้มีครูได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 1 แสนคน

ด้านนพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ภาพรวมโรงเรียนทุกแห่งค่อนข้างดำเนินการตามมาตรการตามที่กรมอนามัยกำหนด ซึ่งก่อนเปิดเทอมโรงเรียนต้องประเมินผ่านเกณฑ์ Thai Stop Covid Plus หรือ TSC+ โดยมีโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์ดังกล่าวกว่า ร้อยละ 99.6 แต่ยังมีนักเรียนและครูที่มีความเสี่ยงสูง หลุดเข้ามาในพื้นที่โรงเรียน เนื่องจากทำการประเมินความเสี่ยงผ่านระบบไทยเซฟไทย (Thai Save Thai) ไม่ครบถ้วน ดังนั้นจึงต้องมีการลงพื้นที่ตรวจร่วมกันของทั้งสองกระทรวง เพื่อติดตามให้โรงเรียนปฏิบัติตามมาตรการและแผนการเผชิญเหตุอย่างต่อเนื่องด้วย