- จบเส้นทางกระดานสีเขียวขึ้นต่อเนื่องติดต่อมา 9 วัน
- นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย “เงินเยน ทองคำ พันธบัตร”
- จับตารอเฟดปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 กลางสัปดาห์นี้
เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ 27,099.38 จุด ลดลง 120.14 จุด หรือ -0.44%เคลื่อนไหวอยู่ที่ ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,146.84 จุด ติดลบ 29.88 จุด หรือ -0.37% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 2,997.26 จุด ติดลบ 10.13 จุด -0.34%
ถือว่าเป็นการจบช่วงของการปรับขึ้นต่อเนื่องติดต่อกัน 9 วันที่ผ่านมาของดัชนีดาวโจนส์ โดยตลาดมีแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมทั้งหุ้นออกมาต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ทั้งค่าเงินเยน ราคาทองคำ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลง ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น
โกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานระบุว่า เหตุโจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นแตะ 75 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่หากซาอุดีอาระเบียสามารถฟื้นการผลิตน้ำมันอย่างรวดเร็ว และการโจมตีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการผลิตไม่นาน ราคาน้ำมันก็จะปรับตัวขึ้นเพียง 3-4 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
ขณะที่เจ้าชายอับดูลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า เหตุโจมตีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซ 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ตัวเลขล่าสุดที่โอเปกเปิดเผยเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมัน 9.8 ล้านบาร์เรล/วัน เท่ากับว่าผลผลิตจะหายไปราวครึ่งหนึ่ง หรือคิดเป็น 5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก
นอกจากนั้น สำนักข่าว ISNA ของอิหร่าน ยังมีรายงานว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านได้ยึดเรือลำหนึ่งในอ่าวเปอร์เซียวันนี้ โดยกล่าวหาว่าเรือลำดังกล่าวลักลอบขนน้ำมันดีเซล 250,000 ลิตรไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
ขณะที่อีกปัจจัยสำคัญที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ คือ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย.