

- ชี้ช่วงที่เหลือของปีนี้ทองคำจะเป็นขาขึ้น
- รับเฟดลดดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว
- กังวลสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ
ราคาทองคำในประเทศตั้งแต่เช้าวันนี้(20มิ.ย.)ปรับขึ้นแรง โดยสมาคมผู้ค้าทองคำประกาศราคาขายทองคำแท่งอยู่ที่บาทละ 20,250บาท เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 350บาท ขณะที่ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 20,150บาท ซึ่งเป็นไปตามราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงจนสามารถทะลุแนวต้านในรอบ 4 ปีที่ระดับ 1,370เหรียญสหรัฐฯต่อออนช์ ในช่วงที่ตลาดซื้อขายทองคำที่ฮ่องกงเปิดทำการ โดยขึ้นไปสูงสุดถึง 1,393เหรียญ เพิ่มขึ้นกว่า 30 เหรียญ จากระดับราคาปิดวันก่อนที่ 1,361เหรียญ
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ทองคำฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ ระบุว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นแรงเป็นผลมาจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯเมื่อคืนวันที่ 19 มิ.ย.ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25-2.50% ซึ่งเฟดส่งสัญญาณจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครึ่งหลังปีนี้ ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)แถลงว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ฮั่วเซ่งเฮงมองแนวโน้มราคาทองคำเป็นขาขึ้น โดยมีแนวต้านที่ 1,390 ดอลลาร์ และ 1,400 ดอลลาร์ ตามลำดับ แต่ด้วยเครื่องมือทางเทคนิคเริ่มส่งสัญญาณซื้อมากเกินไป ทำให้คาดเริ่มมีแรงเทขายออกมาในสัปดาห์หน้า โดยมีแนวรับที่ 1,360 ดอลลาร์ และ 1,350 ดอลลาร์ ตามลำดับ


ด้านนายบุญเลิศ สิริภัทรวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ออสสิริส จำกัดกล่าวว่า ทั้งเฟดทีส่งสัญญานการลดดอกเบี้ยและความกังวลกับสงครามการค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำโลกปรับขึ้นแรงเพราะนักลงทุนมองเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในช่วงที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯด้อยค่าหรืออ่อนตัวลงจากดอกเบี้ยที่ลดลงจนทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกทะยานขึ้นทะลุ1,370เหรียญ ทำนิวไฮ ในรอบ 4-5ปี และมีแนวโน้มจะทพยานขึ้นเหนือ 1,400เหรียญได้ในเวลาอันใกล้นี้


โดยมองว่าหลังจากนี้ราคาทองคำจะเป็นขาขึ้นตลอดทั้งปี ถือเป็นภาวะกระทิงของราคาทองคำแล้ว เชื่อว่าปีนี้มีลุ้นไปได้ถึง 1,500เหรียญต่อออนช์แม้การเจรจาการค้าระหว่างจีนสหรัฐ หากสามารถตกลงกันได้ในปลายเดือนนี้ ราคาทองคำอาจชะลอการขึ้นหรือปรับลงแต่คงไม่มาก จะเป็นโอกาสในการซื้อ เพราะมองทิศทางราคาทองคำระยะยาวเป็นขาขึ้นชัดเจน ดังนั้นทุกจังหวะของการปรับลงจะถือเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อทองคำ