- ย้ำไม่มีผู้ค้ารายใหม่เข้าคิวรอขายแทน
- “ฉกรรณ์”เผยเมื่อครั้งนั่งอธิบดีกรมวิชการ “ยังโง่อยู่” เลยไม่ได้เซ็นยกเลิก
นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การยกเลิก 3 สารเคมีทางการเกษตร ได้แก่ คลอร์ไพริฟอส พาราควอต และไกลโฟเซต ภายในวันที่ 1 ธ.ค.2562 เพื่อความปลอดภัยของเกษตรกรและผู้บริโภค ส่วนสารทดแทนขณะนี้ยังไม่มี แต่มีเป็นสารตัวเดิมที่มีใช้และจำหน่ายในเมืองไทยอยู่แล้ว ซึ่งค่าความเป็นพิษและอันตรายน้อยกว่า โดยเฉพาะสารพาราควอต และมีหลายแนวทางที่เป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร ทั้งเลือกใช้แนวทางเก่าๆโดยการใช้สารดั่งเดิม ที่ไม่อันตรายเท่า 3 สาร หรือใช้แนวทางเกษตรปลอดภัย หรือเกษตรอินทรีย์
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการแบน 3 สาร โดยเฉพาะพาราควอต ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง เพราะมีนักการเมืองหรือผู้ค้าสารรายใหม่ที่เตรียมขายสารทดแทนหรือไม่ นางมนัญญา กล่าวว่า เรื่องแบนสารไม่มีเบื้องหลัง ไม่มีนักการเมือง หรือไม่เป็นมาตรการเปลี่ยนผู้ค้ารายใหม่แน่นอน การนำเข้าสารแต่ละครั้งต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ตรวจสอบหลายขั้นตอนกว่าจะผ่านเข้ามาได้ รับรองไม่มีเรื่องดังกล่าว แต่สารทดแทนเป็นสารที่มีอยู่แล้ว ใช้กันอยู่แล้ว แต่ฤทธิ์ความเป็นพิษไม่รุนแรงเท่าพาราควอต
ด้านนายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ ประธานคณะที่ปรึกษารมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การตัดสินใจแบน 3 สาร โดยเฉพาะพาราควอต เพราะเป็นสารที่มีความเป็นพิษรุนแรง มีงานวิจัยยืนยันว่าเป็นพิษต่อร่างกาย หากมีการสัมผัสหรือร่างกายเป็นแผลอาจทำให้ผู้ใช้หรือเกษตรกรเสียชีวิตได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าสารทดแทนหรือสารตัวใหม่ที่จะมาใช้ฆ่าหญ้าแทนพาราควอต หากสัมผัสผิวจะไม่เป็นอันตรายใช้หรือไม่ หรือหากแบน 3 สาร โดยเฉพาะพาราควอต ไทยจะเดินทางไปสู่เกษตรปลอดภัย หรือเกษตรอินทรีย์ ทำไมไม่แบนสารเคมีเกษตรทุกตัวที่มีค่าเป็นพิษ นายฉกรรณ์ กล่าวว่า เราไม่สามารถแบนสารเคมีทั้งหมดทีละ 300 ตัวเพราะปัจจุบันไทยมีการนำเข้าสารเคมีด้านการเกษตรกว่า 300 ตัว ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป สมัยผมดำรงตำแหน่งอธิบดีผมได้แบนสารเมทามิโดฟอส เพราะมันตกค้างในลำไย ซึ่งคนก็เห็นด้วยจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในสมัยท่านเป็นอธิบดีกรมวิชาการเกษตร มีอำนาจในการเซ็นอนุมัติกาหยุดหรือเลิกใช้ หรือแบนสารเคมีต่างๆทำไมเมื่อ 14 ปีก่อนไม่ดำเนินการ นายฉกรรณ์ ตอบว่า “ในสมัยนั้นผมยังโง่อยู่”