ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินทางเข้ามายังกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นครั้งแรก โดยมีคณะผู้บริหารทั้งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ รวมไปถึงภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวให้การต้อนรับอย่างคึกคัก จากนั้นรมว.การท่องเที่ยวฯ ก็ได้เข้าไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงตามธรรมเนียมปฏิบัติหลังเข้ารับตำแหน่ง โดยถือฤกษ์8.29น.ในการเริ่มต้นไหว้พระภูมิประจำกระทรวงฯ
นายพิพัฒน์ เปิดเผย สิ่งแรกที่จะเริ่มทำ คือ อยากจะบอกว่าการท่องเที่ยวของไทยถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศ ดังนั้นการเข้ามาทำงานครั้งนี้จะต้องหาทางสนับสนุนให้ต่างชาติเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยให้มากขึ้น และนำรายได้เข้ามาสู่ประเทศไทยมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา ส่วนการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวมารองรับในช่วงต่อจากนี้ คงต้องฟังนโยบายจากนายกรัฐมนตรี ที่ชัดเจนก่อน จากนั้นจึงตัดสินใจออกมาตรการอีกครั้ง
ส่วนกีฬาจะพัฒนากีฬาเยาวชน เป็นนักกีฬาอาชีพ โดยดึงทัวนาเม้นต์ระดับโลกเข้ามาจัดที่ประเทศไทยมากขึ้น เช่นปัจจุบัน โมโตจีพี อนาคตอันใกล้ ที่นายกต้องการวิ่งเทรล ถือเป็นการ่ทองเที่ยวเชิงกีฬา หรืออีสปอร์ต จะนำรายได้เข้าประเทศด้สวย คนติดตามจะมาเที่ยวด้วย
ขณะที่เรื่องเร่งด่วนตอนนี้ ในปัจจุบันเราได้ยินนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ไม่มั่นใจในความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยว ดังนั้นจึงต้องเร่งสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักก่อน โดยจะสร้างอาสาสมัครการท่องเที่ยวตามชุมชนเข้ามาช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังพื้นที่ตัวเอง เพราะหากจะขอใช้เจ้าหน้าที่กำลังอาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะเร่งทำให้เกิดขึ้นในปีนี้ทันที
ส่วนเรื่องการการออกมาตรการมากระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงต่อจากนี้นั้น คงต้องฟังนโยบายจากนายกรัฐมนตรีก่อน โดยเฉพาะมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ออน อาร์ไรวัล(หน้าด่านครวจคนเข้าเมือง) ซึ่งทางกระทรวงฯ เองก็พร้อมอำนวยความสะดวกให้มากที่สุด เพราะจะช่วยส่งเสริมการดึงรายได้เข้าประเทศมากขึ้น ส่วนตัวเลขต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจำนวนและรายได้ที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ตอนนี้แม้จะมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบ แต่จะยังไม่ปรับตัวเลข ณ ตอนนี้
ทางด้านค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มองว่า เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ซึ่งจากนี้ไปจะพยายามปรึกษาทางรมว.คลัง และผู้ว่าฯ ธปท.ว่าจะทำอย่างไรให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่เหมาะสมมากที่สุด ส่วนกรณีของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ล่าช้าออกไปนั้น ก็เป็นปัญหาส่วนหนึ่งที่ขัดข้องบ้าง แต่เชื่อว่า ไม่น่ามีปัญหา และนายกฯ ทำได้อยู่แล้ว
“คิดว่าเมื่อเข้ามาทำงานตรงนี้แล้วต้องคิดว่าไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่ยาก ทุกอย่างเราต้องฟันฝ่าไปให้ได้ เมื่อรับมอบหน้าที่มาแล้วต้องทำให้ดีที่สุด พร้อมกับดูงานของรัฐมนตรีท่องเที่ยวที่ผ่านมาเป็นแบบอย่าง ที่ดำดีก็สานต่อ ส่วนอะไรไม่ดีพัฒนามากขึ้น”