“พลาดก้าวเดียว คุก 48 ปี” “ชูวิทย์” เชื่อมั่น “บุญทรง”จะไม่ใช่รัฐมนตรี คนสุดท้ายที่เข้าคุก…



”พลาดก้าวเดียว คุก 48 ปี”“ชูวิทย์”…เชื่อมั่น”บุญทรง”จะไม่ใช่รัฐมนตรีคนสุดท้ายที่เข้าคุก…

ภายหลังจากที่องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คน ใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมง อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี จำนวน 200 หน้า ก่อนพิพากษาจำคุก “นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ “อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพิ่มขึ้นอีก 6 ปี จากเดิมมีกำหนดจำคุก 42 ปี รวมเป็น 48 ปี 

เนื่องจากโจทก์ยื่นขอเพิ่มโทษในกรณีการสั่งให้ทำสัญญาซื้อขายข้าวเพิ่มอีก 1 กระทง เนื่องจากสัญญาซื้อขายข้าวดังกล่าวมี 2 ฉบับ ดังนั้นศาลจึงให้ลงโทษฉบับละ 6 ปี ส่วนกรณีที่ให้แก้สัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐเท่าเดิมฉบับละ 18 ปี ขณะที่พยานหลักฐานที่นายยบุญทรง อ้างว่าดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ศาลพิพากษาแล้วฟังไม่ขึ้น

ล่าสุด “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ก็ไม่รอช้าได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัวในบัญชีชื่อ ”ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”..พูดถึงคำพิพากษา “นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ “อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์…ว่า “พลาดก้าวเดียว คุก 48 ปี” แถมยังย้ำว่า 

“วันที่พลาด เราก้าวเข้าคุกเพียงคนเดียว ไม่มีใครเลยสักคนที่จะช่วยเราได้

และโดยประสบการณ์อย่างผม ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากยังเชื่อว่า

พี่บุญทรงจะไม่ใช่รัฐมนตรีคนสุดท้ายที่เข้าคุก”….

พลาดก้าวเดียว คุก 48 ปี

ก้าวแรกที่พี่บุญทรงลงจากรถไปฟังคำพิพากษา ไม่มีใครทราบเลยว่าศาลท่านจะตัดสินอย่างไร

แล้วไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไร ที่ผมมักต้องมาเจอคนรู้จักในคุก

ครั้งล่าสุดที่ผมเข้าคุกก็เจอพี่บุญทรง ทักทายกัน แกบอกผมว่าทำเรื่องอุทธรณ์อยู่

พี่บุญทรงที่ผมเจอในสภา กับที่เจอในคุกเหมือนเป็นคนละคนกัน

ปัจจุบันแกอายุ 59 ปี วันนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษอีก 6 ปี รวมของเก่าเบ็ดเสร็จ 48 ปี

สูตรอดีตคนคุกอย่างผม คุก 48 ปี ต้องติดอย่างน้อย 1 ใน 3 คือ 16 ปี นี่หมายถึงกรณีที่มีพระราชทานอภัยโทษด้วย ซึ่งปกติหากยิ่งติดคุกยาว ยิ่งมีโอกาสผ่านช่วงพระราชทานอภัยโทษมากขึ้น

ยกตัวอย่าง คนถูกศาลสั่งจำคุก 1 ปี ถึง 2 ปี เป็นระยะสั้น ก็อาจจะไม่มีพระราชทานอภัยโทษในช่วงนั้น แต่หากคนติด 5 ปี ถึง 10 ปีขึ้นไป ก็มีโอกาสที่จะมีพระราชทานอภัยโทษระหว่างติดมากขึ้น คนติดคุกจึงเฝ้ารอวโรกาสพิเศษนี้กันทุกคน

ในอีก 11 ปีข้างหน้า พี่บุญทรงจะอายุครบ 70 ปี ก็อาจจะมีโอกาสเข้าเกณฑ์ “พักโทษคนแก่”

ในช่วงนาทีนี้ ผู้ที่เจ็บปวดไม่ใช่แค่พี่บุญทรงเท่านั้น แต่รวมไปถึงครอบครัวที่ต้องร่วมเจ็บปวดไปด้วย

จะไม่มีใครเข้าใจหัวอกคนที่ตั้งความหวังไว้กับอิสรภาพ แล้วมันหายวับไปกับตาทันทีที่สิ้นคำพิพากษา ต่อให้ใจแข็งปานใดก็ทำใจไม่ได้ ถึงจะปลงอย่างไรก็ปลงไม่ตก

เวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาสมานแผลความเจ็บปวดนี้

ผมจึงขออนุญาตเตือนนักการเมืองที่กำลังกระดี๊กระด๊า มีบารมีสูงส่ง บุญท่วมหัว ได้เป็นรัฐมนตรี ให้ท่านหันกลับมามองพี่บุญทรงเป็นบทเรียน อย่าคิดว่ามีอำนาจวาสนาแล้วจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน

เพราะวันที่พลาด เราก้าวเข้าคุกเพียงคนเดียว ไม่มีใครเลยสักคนที่จะช่วยเราได้

และโดยประสบการณ์อย่างผม ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากยังเชื่อว่า

พี่บุญทรงจะไม่ใช่รัฐมนตรีคนสุดท้ายที่เข้าคุก

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เฟชบุ๊กชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”