ป.ป.ช.ชี้มูล ผอ.รร.สามเสน และพวกทุจริตแป๊ะเจี๊ยะ



  • ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดอดีต ผอ.รร.สามเสนวิทยาลัยกับพวกทุจริต
  • เบียดบังเงินบริจาคการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษถือเป็นผู้ประพฤติชั่วร้ายแรง

นายวรวิทย์  สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้รับเรื่องจากสำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป .ท.) เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2560 กรณีกล่าวหานายวิโรฒ สำรวล ผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยกับพวกทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียนจำนวน 2 รายเพื่อแลกกับการเข้าเรียน โดยคณะกรรมการป.ป.ช.ได้แสวงหาข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่ามีมูล จึงมีคำสั่งที่ 324/2561 ลงวันที่ 18 เมษายน 2561 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนโดยมีนายวิทยา  อาคมพิทักษ์ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการการไต่สวนข้อเท็จจริง 

“จากพยานหลักฐานฟังได้ว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ออกประกาศเรื่องนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2560 ลงวันที่ 16 กันยายน 2559 โดยสาระสำคัญของประกาศที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวคือ โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงจะรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษได้หลายกรณี เช่น 1.นักเรียนได้คะแนนสอบเท่ากันในลำดับสุดท้าย 2.นักเรียนที่มีข้อตกลงในการจัดตั้งโรงเรียน 3.นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส 4.นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติหรือผู้ประสบภัยพิบัติที่ต้องได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ 5.นักเรียนโควต้าตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจหรือโรงเรียนคู่พัฒนาหรือโรงเรียนเครือข่าย 6.นักเรียนที่เป็นบุตรข้าราชการครูและบุคลากรของโรงเรียน  และ7.นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยจัดอยู่ในประเภทโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง” เลขาธิการป.ป.ช. กล่าว

นายวรวิทย์ กล่าวว่า ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้ออกประกาศเรื่องการรับนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษ ลงวันที่ 9 มีนาคม 2560 โดยกำหนดหลักเกณฑ์การรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ พิจารณา 4 ข้อ คือ 1.ข้อตกลงในการจัดตั้งโรงเรียน 2.บุตรข้าราชการครูและบุคลากรปัจจุบันของโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยและโรงเรียนอนุบาลสามเสน (สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลอุปถัมภ์) 3.นักเรียนในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ต่อโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยมาอย่างต่อเนื่อง และ 4.นักเรียนโควต้าตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย ซึ่งก่อนประกาศผลการสอบคัดเลือก ประจำปีการศึกษา 2560 ผู้ปกครองของนักเรียนจำนวนหนึ่งได้แสดงความจำนงต่อสำนักงานผู้อำนวยการโรงเรียนให้พิจารณารับบุตรหลานของตนเข้าเป็นนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษ ประเภทนักเรียนในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ต่อโรงเรียน

“เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 ก่อนการประกาศผลการสอบคัดเลือกนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประเภทเงื่อนไขพิเศษ ประจำปีการศึกษา 2560 นายวิโรฒ  สำรวลกับพวกได้โทรศัพท์ติดต่อผู้ปกครองของนักเรียนที่ยื่นแสดงความจำนงไว้ เพื่อขอคำยืนยันเรื่องการบริจาคเงินให้โรงเรียนหลายราย หลังจากนั้นในวันที่ 5 เมษายน 2560 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้ประกาศผลการสอบคัดเลือกนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2560  โดยมีรายชื่อนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษจำนวน 60 ราย หลังจากนั้นผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประเภทเงื่อนไขพิเศษจำนวน 6 รายได้นำเงินมาบริจาคให้กับโรงเรียน โดยนายวิโรฒและนายภูสิทธิ์ ประยูรอนุเทพ รองผู้อำนวยการโรงเรียนได้ร่วมกันรับเงินบริจาคจากผู้ปกครองของนักเรียนรวมเป็นเงิน 1,440,000 บาท แล้วนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตน” เลขาธิการป.ป.ช. กล่าว

นายวรวิทย์ กล่าวว่า วันที่ 19 มิถุนายน 2560 สื่อมวลชนเสนอข่าวเรื่องผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งเรียกรับเงินบริจาคจากผู้ปกครองของนักเรียนรายหนึ่ง   จำนวน 400,000 บาทเพื่อให้บุตรของตนได้มีโอกาสเข้าเรียน โดยมีคลิปวิดีโอภาพและเสียงประกอบการเสนอข่าว หลังจากนั้นวันที่ 20 มิถุนายน 2560 นายวิโรฒจึงแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนโดยยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ แต่ไม่ได้รับเงิน 400,000 บาท ตามที่เป็นข่าว และภายในวันเดียวกันนายวิโรฒ นายภูสิทธิ์และนายประเจิน โชติพงศ์กุล ครูชำนาญการพิเศษ (หัวหน้างานรับนักเรียน โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย) ร่วมกันสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี ฝ่ายบริหารงานบุคคลการเงินและสินทรัพย์ออกใบเสร็จรับเงินว่าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้รับเงินบริจาค โดยให้ลงวันที่ย้อนหลัง แต่เจ้าหน้าที่การเงินฯ  แจ้งว่าไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงินโดยลงวันที่ย้อนหลังได้ บุคคลทั้งสามจึงร่วมกันสั่งให้เจ้าหน้าที่การเงินฯ ออกใบเสร็จรับเงิน โดยสั่งให้ลงวันที่ในใบเสร็จรับเงินเป็นวันที่ 21 มิถุนายน 2560 แล้วนำเงินสดบางส่วนเข้าฝากธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงการคลัง ตามรหัสศูนย์ต้นทุนของโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยผ่านระบบ GFMIS โดยมีเจตนาเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน

“คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติว่าการกระทำของนายวิโรฒกับพวก มีมูลความผิด 1.นายวิโรฒและนายภูสิทธิ์ กรณีรับเงินบริจาคโดยไม่ออกใบเสร็จรับเงิน แล้วเบียดบังเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต แล้วข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินฯ ออกใบเสร็จรับเงินและนำเงินส่งคืนภายหลัง เพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 148 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 84 วรรค 3 และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547” เลขาธิการป.ป.ช. กล่าว

นายวรวิทย์ กล่าวว่า 2. นายประเจิน  กรณีร่วมกันข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินฯ ออกใบเสร็จรับเงิน เพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตนและบุคคลอื่น มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91  และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 84 วรรคสาม และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547.