- เดินหน้าโครงการโคขุนสร้างรายได้
- อ้างมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคจาก 18 จังหวัดสนับสนุน
- วางแผนให้เกษตรกร 2 แสนรายเป็นคนเลี้ยง รายละ 5 ตัว
- เผย 4 เดือนมีกำไร 4 หมื่นบาท เร่งดำเนินการทันทีหลังน้ำลด
นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ จาก 18 จังหวัด อาทิ ขอนแก่น บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีษะเกษ ฯลฯ ร่วม 100 คน จาก 1,500 คนที่รอบริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าพบ ว่า เกษตรกรได้มาขอบคุณที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เร่งดำเนินโครงการโคขุนสร้างรายได้ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 โครงการที่เตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในเร็วๆนี้ โดย โครงการโคขุนสร้างรายได้ จะมีเวลาดำเนินการ 5 ปี (2563 – 2567) เพื่อเสริมสร้างรายได้ สร้างอาชีพทางเลือกใหม่ให้เกษตรกร โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมมาเลี้ยงโคขุน เพื่อเพิ่มผลผลิตโคเนื้อให้เพียงพอต่อความต้องการ
ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมาย 1 ล้านตัวต่อเกษตรกร 200,000 ราย แบ่งออกเป็นรอบที่ 1 จำนวน 500,000 ตัว ต่อเกษตรกร 100,000 ราย และรอบที่ 2 อีก 500,000 ตัว ต่อเกษตรกร 100,000 ราย โดยมีน้ำหนักวัวเริ่มต้น 230-250 กก. ซึ่งเกษตรกรที่ต้องการเลี้ยงจะมีเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) รายละ 164,200 บาทต่อราย เป็นค่าโค 120,000 บาท โดยคิดจาก 5 ตัวๆ ละไม่เกิน 24,000 บาท และมีค่าอาหารผสมเสร็จ (TMR) 43,200 บาท และสมทบค่าประกันภัยโค 1,000 บาท ซึ่ง ธ.ก.ส. จะคิดดอกเบี้ย 4% เกษตรกรจ่ายเอง 1% และรัฐบาลสมทบ 3% อีกทั้งรัฐสนับสนุนค่าประกันภัยให้อีกครึ่งหนึ่ง และช่วยเครื่องผสมอาหาร และเครื่องชั่งน้ำหนัก ในสัดส่วนเกษตรกร 100 รายหรือโค 500 ตัวต่อ 1 ชุด เมื่อผ่านไป 4 เดือน จะสามารถจำหน่ายโคได้ในราคาตัวละ 42,000 บาท เฉลี่ยน้ำหนัก 420 กก.ๆ ละ 100 บาท
“คำนวณแล้วเกษตรกรจะมีกำไร 8,000 บาทต่อตัว ในระยะเวลา 4 เดือน หรือ 40,252 บาทต่อ 5 ตัว ซึ่งเกษตรกรจะได้รับการฝึกอบรมการเลี้ยงโคขุนก่อน และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จะเข้ามาช่วยเหลือขุดน้ำบาดาลพลังงานแสงอาทิตย์ 1 จุดต่อ100 ไร่ เพื่อส่งเสริมปลูกหญ้าสำหรับผสมอาหาร รวมถึง องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรืออตก. จะเข้ามาช่วยทำการตลาดด้วย”
ส่วนอีก 3 โครงการที่จะเสนอ ครม.พร้อมกัน ประกอบด้วย 1.โครงการส่งเสริมปลูกถั่วเขียว เป้าหมายเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 50,000 ราย ประกันราคา 30 บาท พื้นที่ 500,000 ไร่ 2.ส่งเสริมผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ขณะนี้ไม่เพียงพอและเกิดความเสียหาย จึงต้องเร่งผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ดีเพื่อเป็นต้นน้ำให้กับเกษตรกร เป้าหมายเกษตรกรเข้าร่วม 50,000 ราย เพิ่มเมล็ดพันธุ์ 200,000 ตัน 3.ส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เกษตรกรเข้าร่วม 100,000 ราย
“ทั้ง 4 โครงการมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาความยากจนของพี่น้องเกษตรกร และส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรมีความมั่นคง คาดว่าหลังน้ำลดจะเริ่มดำเนินการได้ สำหรับการส่งออกโคเนื้อไปจีนนั้น ขณะนี้จีนมีความต้องการเนื้อวัวมากถึง 10 ล้านตัน หรือวัวไม่น้อยกว่า 50 ล้านตัว ทำให้มั่นใจได้ว่ามีตลาดรองรับ อีกทั้งได้มีการตกลงร่วมกันกับจีนที่จะรับซื้อโคเนื้อจากไทย โดยได้ให้เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ลงพื้นที่สำรวจโรงงานจากจีนว่าสามารถส่งออกได้จริงหรือไม่ และพบว่ามีการเริ่มสร้างโรงเชือดที่เป็นมาตรฐาน จากกลุ่มเอกชนจีน ที่ประเทศลาว คาดว่า เดือน ต.ค.-พ.ย. จะแล้วเสร็จและเริ่มส่งออกได้ทันที”