

- ธุรกิจน้ำมันติดลบ 2,546 ล้านบาท
- ขาดทุนสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 4,661 ล้านบาท
- เตรียมแผนบริหารวิกฤตในสถานการณ์โควิด-19
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานของบางจาก ไตรมาส1 ว่า บางจาก และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 43,070 ล้านบาท ลดลง14%เมื่อเทียบกับไตรมาส4ปีท่ีผ่านมา และลดลง5 %เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ท่ี มี EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม) 2,546 ล้านบาท ลดลง205 %เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 230% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มี Inventory Loss (ขาดทุนสต็อกน้ำมัน) 3,434 ล้านบาท รวมขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) 1,689 ล้านบาท และเนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก ทำให้มีการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำนวน 1,366 ล้านบาท ส่งผลให้ไตรมาสนี้มีขาดทุนสุทธิรวม 4,316 ล้านบาท โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่4,661 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 3.49 บาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้การใช้น้ำมันของท่ัวโลกลดลง มีผลต่อราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป ที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องลดการผลิตน้ำมันได้ กดดันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลงอย่างรุนแรงในช่วงปลายไตรมาส ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยไตรมาส 1อยู่ที่ 50.41 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 11.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือลดลง20 %จากไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับผลการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA ติดลบ 2,590 ล้านบาท มีค่าการกลั่นพื้นฐาน 2.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบอ้างอิง ในผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก จากความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกลดลงอย่างรุนแรง จากโควิด-19 และความต้องการใช้น้ำมันในประเทศที่ลดลง ทำให้โรงกลั่นต้องปรับลดกำลังการผลิตมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยมีอัตราการผลิตเฉลี่ย 104,300 บาร์เรลต่อวัน หรือ 87 %ของกำลังการผลิตรวมของโรงกลั่น และจากการที่ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงอย่างมากในไตรมาสนี้ ธุรกิจโรงกลั่นมี Inventory Loss 2,774 ล้านบาท (รวมขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV)) ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นมีผลการดำเนินงานปรับลดลงค่อนข้างมาก

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA จากการดำเนินงาน 672 ล้านบาท แต่เนื่องจากมี Inventory Loss จำนวน 591 ล้านบาท ทำให้มี EBITDA 81 ล้านบาท โดยปริมาณการจำหน่ายรวมของธุรกิจการตลาดลดลง 6 %เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง 13 %เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่ลดลงจากการจำหน่ายน้ำมันผ่านตลาดอุตสาหกรรม เนื่องจากสภาวะการแข่งขันในตลาดอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างสูง และในช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซ่ัน ของการใช้น้ำมัน อีกทั้งในช่วงปลายไตรมาส 1 ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง
ท้ังนี้ ธุรกิจ ท่ีไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน(Non-oil) บางจากจะ ยังคงพัฒนาและขยายธุรกิจร้านกาแฟอินทนิลอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสนี้ร้านกาแฟอินทนิลมีจำนวน 610 สาขา โดยเปิดเพิ่ม 19สาขา ในทำเลที่มีศักยภาพทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน และในกลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA 770 ล้านบาท โดยปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้น 48 %เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ในประเทศลาว