By สายทิพย์
ข้อพิพาทระหว่าง บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) กับ กลุ่มบริษัท เซ็นทรัล เจ้าของเอาท์เล็ตขนาดใหญ่ ที่ช่ือ เซ็นทรัล วิลเลจ ซึ่งมีที่ตั้งอยู่หัวสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากการก่อสร้างของเซ็นทรัล วิลเลจ มีการรุกล้ำที่ดินของกรมธนารักษ์ที่มอบให้สนามบินสุวรรณภูมิใช้เพื่อกิจการทางด้านการบิน
แม้ว่า เอาท์เล็ตแห่งนี้มีกำหนดการจะเปิดอีกไม่กี่วันคือในวันที่ 31 ส.ค.นี้แล้วก็ตาม แต่ส่ิงซึ่งแสดงถึงการทำธุรกิจในลักษณะที่เรียกตามภาษาฝรั่งว่า Tricky หรือ เล่นตลก ตบตา และมีเงื่อนงำนั้น คือ การซื้อที่ดินตาบอดในพื้นที่สีเขียวติดหัวสนามบิน ซึ่งกำหนดให้สร้างส่ิงก่อสร้างได้ไม่เกิน 2,000 ตร.เมตร แต่เท่าที่ฟังจากการแถลงข่าวเอิกเกริกของกลุ่มมเซ็นทรัลคือ ใช้พื้นที่มากถึง 40,000 ตร.เมตร
ที่ว่ากันว่า กลุ่มมเซ็นทรัล ไปขอปรับเปลี่ยนผังเมือง หรือ สีที่กำหนดว่า จะใช้เพื่อการใด โดยขอเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีส้ม เห็นจะยังไม่ทันได้เปลี่ยน เพราะการจะขอปรับเปลี่ยนพื้นที่ในผังเมืองนั้น ยุ่งยาก และต้องเข้าที่ประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดเป็นสำคัญ ถ้าคณะกรรมการไม่เห็นด้วย ก็ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้
จึงมีความเป็นไปได้ว่า พื้นที่นั้นยังเป็นพื้นที่สีเขียวเช่นเดิม
ปัญหาต่อมาคือ ที่ดินบริเวณนั้นมีลำลางสาธารณะที่รองรับน้ำ ซึ่งถือเป็นส่ิงสำคัญอย่างย่ิงสำหรับสนามบินสุวรรณภูมิที่เปลี่ยนช่ือมาจากคำว่า สนามบินหนองงูเห่า และเป็นที่ทราบกันดีว่า สนามบินสุวรรณภูมิสร้างอยู่บนที่ดินซึ่งอ่อนยวบ และท่ัวบริเวณมีน้ำขัง นั่นจึงทำให้สนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้ต้องใช้ระบบไฮโดรริคและระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีราคาสูงเพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่
การถมลำลางสาธารณะในพื้นที่ติดกับหัวสนามบิน จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ผู้บริหารสนามบินสุวรรณภูมิสบาย ใจในยามหน้าฝนมาถึง
ส่ิงที่เกิดขึ้นอีกก็คือ มีการใช้ถนนเข้าออกของสนามบินซึ่งสร้างขึ้นเพื่อให้ชาวบ้าน และโรงเรียนในพื้นที่มีทางเข้าออกได้ เนื่องเพราะพวกเขาอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่ก่อนสนามบินสุวรรณภูมิมาสร้าง ถนนที่สร้างขึ้นนี้ แม้จะเป็นภาระจำ ยอม แต่มิได้สร้างขึ้นเพื่อการพาณิชย์ เซ็นทรัล วิลเลจ จึงไม่สามารถจะไปแอบอิงใช้ถนนเขาได้ และถ้าทอท.ซึ่งเป็นผู้ดูแล และได้ประโยชน์/เสียประโยชน์ ไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และทำให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์ของกิจการสนามบินของประเทศ
ที่มันน่าเศร้า และน่าประหลาดใจกับคนทำธุรกิจในประเทศไทยก็คือตลอดการก่อสร้าง มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ว่ากันตามจริงคือ อยู่เบื้องหลังตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วโดยส่ังให้ทอท.เขียนเงื่อนไขประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้มีผู้ได้สัมปทาน 2 รายหรือ หารสอง ให้ 1 ราย จะเป็นกลุ่มไหนคงเดาไม่ยาก เมื่อรู้ว่าทอท.ไม่ทำตาม ก็เปิดทางให้มีการยึดพพื้นที่ตาบอดตรงหัวสนามบินเสีย
เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ คิง เพาเวอร์ เลย เอาเข้าจริงๆ คิง เพาเวอร์ต่างหากที่โดนเขารังแกมาเรื่อย ที่สำคัญ จะเห็นว่า เอาท์เล็ตของ สยามพิวรรธน์ ร่วมกับ ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งสร้างใหญ่โตมากก่อนถึงสนามบินสุวรรณภูมินิดเดียวจะเสร็จในส้ินปีนี้ ก็ไม่เห็นมีปัญหาเรื่องการทำธุรกิจที่เล่นตลกอะไรกับใคร คุณชฏาทิพย์ จูตระกูล เธอก็ทำธุรกิจของเธออย่างสุจริต แล้วก็ไม่ได้เข้าไปประมูลทำดิวตี้ฟรีเพื่อหลอกให้คนอื่นเขาใส่เงินเข้าไปเยอะๆด้วย
ประเทศเราต้องการคนทำธุรกิจที่สุจริต หรือคนเล่นตลกตบตากันแน่ บอกที