“ธนาธร” ยอมปลงแล้ว “ประยุทธ์” ปมไม่ถือธงนำแก้ไข รธน.หันไปบี้ประชาธิปัตย์แทน



เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยปฏิเสธการถือธงนำและขอให้ทุกฝ่ายที่อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญทำตามขั้นตอนกฎหมาย รวมถึงยังตั้งข้อสงสัยกับประชาชนที่เคลื่อนไหวณรงค์แก้ไขว่าเป็นกลุ่มไหน เป็นคนทั้งประเทศหรือไม่ นั้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ มีความย้อนแย้งในตัวเองอย่างมาก มีปัญหาทั้งในเชิงหลักคิดและข้อเท็จจริง 3 ประการ คือ

1. พล.อ.ประยุทธ์ เองต่างหากที่ไม่ทำตามกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ แต่เที่ยวบอกให้คนอื่นทำ ดังจะเห็นชัด การถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ, การแถลงนโยบายโดยไม่ชี้แจงที่มาของเงิน และการทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ ล้วนผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น นี่คือสิ่งที่ย้อนแย้ง คือ บอกให้คนอื่นทำตามรัฐธรรมนูญ แต่ตนเองอยู่เหนือรัฐธรรมนูญได้

2.การที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญ คนส่วนใหญ่เห็นด้วยไหม นี่คืออีกความย้อนแย้ง เพราะถ้าย้อนไปตอนทำรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ท่านได้ถามประชาชนไหม วันนั้นที่ท่านฉีกรัฐธรรมนูญ นี่เป็นเรื่องตลก พอประชาชนรณรงค์จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ท่านกลับถาว่าคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศเห็นด้วยหรือเปล่า และที่สำคัญก็เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารไทม์หลังยึดอำนาจด้วยว่า เตรียมการเรื่องรัฐประหาร 6 เดือน ซึ่งพอนับไปตอนนั้นสังคมไทยยังไม่มีเหตุการณ์ ยังไม่เดินไปสู่ทางตันด้วยซ้ำ หมายความว่าท่านเป็นคนวางแผนและมีส่วนร่วมกับกระบวนการที่ดูเหมือนทำให้ประเทศเป็นทางตันใช่หรือไม่

3.กล่าวได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 2560 พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนร่างเอง และวัตถุประสงค์รัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ การสืบทอดอำนาจของ คสช. รัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบมาให้แก้ไขไม่ได้ในกระบวนการปกติ ดังนั้น ไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะบอกให้ประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญตามกระบวนการที่เขียนไว้ เพราะรู้ว่า ถ้าเดินตามแก้ไขตามกระบวนการนั้นจะทำไม่สำเร็จ นี่คือรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเพื่อให้พวกเขาสืบทอดอำนาจได้ โดยไม่ต้องฟังเสียงประชาชน

“การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ไม่เอาด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ดังนั้น จึงอยากถามไปถึงพรรคการเมืองที่เข้าร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคที่ชูนโยบายหาเสียงให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสามารถผลักดันให้เรื่องนี้เข้าเป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลได้ จะว่าอย่างไร จะมีท่าทีอย่างไรต่อไปอย่างไร เมื่อชัดเจนแล้วว่าผู้นำของฝ่ายรัฐบาลที่ท่านเข้าร่วมด้วยนั้น ไม่เอาด้วยกับการแก้ไข” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า อีกกรณีในการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ การเลือกตั้งซ่อมที่จะมีขึ้น ซึ่งบอกว่าการเลือกตั้งนี้จะนำมาซึ่งเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ ถ้าไม่เข้าใจจะทำให้เกิดความวุ่นวาย เรื่องนี้ต้องบอกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการประชาชนได้ พี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่ตนได้ไปพบปะ พูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความเดือดร้อน ปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม ที่รัฐบาลไม่อาจแก้ไขให้ได้ ดังนั้น เขาจึงมีสิทธิ์เลือกให้การลงคะแนน จ.นครปฐม เขต 5 เป็นมติมหาชน เลือกที่จะลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ไว้วางใจผู้นำแบบนี้ ไม่ไว้วางใจรัฐบาลนี้ ผ่านเสียงของการลงคะแนนเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 23 ตุลาคม นี่จะเป็นมติมหาชน โดยจะเริ่มที่ จ.นครปฐม เขต 5 เป็นที่แรก และจะลุกลามไปในทุกเขต ทุกจังหวัดที่มีการเลือกตั้งซ่อม