นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้หารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศ (ททท. )ถึงสถานการณ์บริษัท โทมัส คุก ซึ่งเป็นบริษัททัวร์จากประเทศอังกฤษเผชิญภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ไร้สภาพคล่อง จนประกาศล้มละลาย พบว่ามีนักท่องเที่ยวตกค้าง 2,000 คน โดยนักท่องเที่ยวเหล่านั้นส่วนมากมีฐานะ ทำให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่กระทรวงฯก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยประสานงาน เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ เพิ่มเติมแล้ว
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับบริษัทตัวแทนโทมัสคุก ที่อยู่ในประเทศไทยว่า ทราบว่านอกจากบริษัทโทมัส คุกของอังกฤษได้ล้มละลาย เมื่อวันทีี่ 23 ก.ย.2562 ไปแล้ว ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 ก.ย.2562 บริษัทโทมัสคุก เยอรมัน และ บริษัทโทมัส คุก โปแลนด์ ได้ประกาศล้มละลายตาม ส่งผลให้ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวของโทมัสคุก ที่ยังอยู่ในประเทศไทย 843 คน ซึ่งทาง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กำชับให้ดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีประกันการเดินทางที่คลอบคลุมการดูแลอยู่
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ ททท.แบ่งการบริหารจัดการเป็น 3 ส่วนคือ 1. การดูแลผู้ประกอบการโรงแรมไทย ที่รับลูกค้าของบริษัทโทมัส คุกไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังไม่ถึงกำหนดรับเงิน ปรากฏว่าบริษัทล้มละลายไปก่อน ซึ่งสมาคมโรงแรมจะรวบรวมผู้ที่ได้รับความเสียหาย และ ททท.จะนำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป อย่างไรก็ตาม เฉพาะหน้าทางผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลจัดเงินกู้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนมาช่วยเหลือ ซึ่งตนจะได้หารือกับนายอุตตม สาวนายน รมว.คลังด้วย 2.ททท. สมาคมโรงแรมและสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว จะร่วมกันดูแลนักท่องเที่ยวที่ยังตกค้างอยู่ในไทย
ซึ่งเท่าที่ติดตามดูแต่ละโรงแรมเมื่อไม่ได้รับเงินจากโทมัสคุกแล้ว ก็ต้องได้คิดอัตราเข้าพักของลูกค้า แต่เท่าที่ทราบได้คิดราคาพิเศษเท่าเอเย่นต์ ไม่มีโรงแรมใดขู่กรรโชกลูกค้า ซึ่งกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของไทยที่ต้อนรับและดูแลนักท่องเที่ยว 3.ททท.จะดำเนินการหานักท่องเที่ยวมาทดแทน โดยมุ่งเป้าไปยังคนที่เคยซื้อแพคเกจท่องเที่ยวจากโทมัส คุก เพื่อมาประเทศไทยแต่เจอภาวะบริษัทล้มละลาย โดยจะนำแพคเกจของบริษัทอื่นไปนำเสนอในราคาพิเศาเพื่อไม่ให้เปลี่ยนใจการมาประเทศไทย
“การที่บริษัท โทมัส คุก เยอรมัน มาล้มละลายตามทางอังกฤษ ได้สร้างความกังวลกับ ททท.มากขึ้น เพราะ ถือเป็นบริษัทที่ส่งนักท่องเที่ยวจากยุโรปมาไทยมากที่สุดคิดเป็น 60-70% ของเอเย่นต์ทัวร์ในยุโรปทีเดียว”