- นักลงทุนรอสัญญาณเฟดคาดลดดอกเบี้ย 0.25%
- เจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯส่อแววจบไม่สวย
- ”ทรัมป์”คาดจีนเล่นแง่รอเลือกตั้งครั้งใหม่
เมื่อเวลาประมาณ 21.45น.ตามเวลาไทย ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดตลาดวันที่ 30 ก.ค.ไม่สดใส ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,160.57 จุด ลดลง 60.78 จุด หรือติดลบ -0.22% ด้านดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,260.72 จุด ติดลบ32.60 จุด หรือ -0.39%ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวติดลบ 0.35% ที่ 3,010.41 จุด ติดลบ 10.56 จุด
รับการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันแรก (30 ก.ค.) นักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอการตัดสินใจที่ชัดเจนของเฟด โดยส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่ง ถ้าหากเฟดการปรับลดลงเพียง 0.25% จริง น่าจะไม่ได้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดมากนัก เพราะได้รับผลดีนั้นไปค่อนข้างมากแล้ว
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เฟดควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ยุติการคุมปริมาณการเงิน และกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ให้เร็ว และแรงงกว่านี้ โดยระบุด้วยว่า หากไม่มีนโยบายของเฟดที่ล่าช้าเช่นนี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะดีกว่านี้ และดัชนีดาวโจนส์น่าจะทะลุ 10,000 จุดไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ เริ่มต้นเจรจาการค้าครั้งใหม่กับเจ้าหน้าที่จีนในวันที่ 30-31 ก.ค.ที่นครเซี่ยงไฮ้ กลับไม่ได้สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความโจมตีรัฐบาลจีนที่ไม่ได้ซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐตามที่ได้ให้สัญญาไว้
“จีนควรซื้อสินค้าเกษตรของเราตั้งแต่ตอนนี้ แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าพวกเขาจะทำสิ่งนี้ นี่เป็นปัญหาของจีน พวกเขาไม่ยอมทำตามสัญญา เจ้าหน้าที่ของผมกำลังเจรจากับพวกเขาในขณะนี้ แต่พวกเขามักเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในท้ายที่สุดเพื่อให้พวกเขาได้เปรียบ และพวกเขาคงกำลังรอผลการเลือกตั้งของเรา เพื่อดูว่านายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตจะชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือไม่
ถ้านายไบเดนชนะ จีนก็จะทำข้อตกลงเหมือนอย่างที่เคยทำมาในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยยังคงเอาเปรียบสหรัฐมากขึ้น และรุนแรงขึ้น แต่ถ้าผมชนะเลือกตั้งในปีหน้า จีนก็จะต้องเผชิญกับการทำข้อตกลงที่ยากลำบากกว่าที่พวกเขากำลังเจรจาในขณะนี้ หรืออาจจะไม่สามารถทำข้อตกลงได้ ตอนนี้เรามีไพ่อยู่ในมือแล้ว ซึ่งผู้นำสหรัฐก่อนหน้านี้ไม่เคยมี” ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
๕๕๕๕๕๕๕๕