- “พุทธิพงษ์” ไม่ได้มาเล่นๆ เอาจริงปราบข่าวปลอม(fake news)
- ลุยปราบข่าวปลอม 9 จุดทั่วประเทศ
- สร้างความเสียหายทั้งภาพลักษณ์ประเทศ และมูลค่าทางเศรษฐกิจ
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเดื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) เปิดเผยว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้“ปฏิบัติการทลายล้างข่าวปลอม 09.09.2019”
โดยสืบสวน และดำเนินการ
ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างข่าวปลอม และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยดำเนินการระหว่างวันที่ 19 ส.ค. – 9 ก.ย. 2562 มีเป้าหมายการปิดล้อมตรวจค้นจำนวน 9 จุดทั่วประเทศ
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. กล่าวว่า ปอท. ได้สืบสวนการกระทำความผิดในลักษณะของการสร้างข่าวปลอมทางสื่อออนไลน์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยั้เกี่ยวข้อง ตามปฏิบัติการดังกล่าวมีผลการปฏิบัติดังนี้
กรณีที่ 1
ข่าวประกาศพื้นที่ควบคุมพิเศษ ระเบิด 7 จุด ในกรุงเทพมหานครผู้รับผิดชอบ กก.1 บก.ปอท. เข้าตรวจค้นที่บ้านพัก ย่านบางพลัด ต่อมาได้เชิญตัวผู้ถูกกล่าวหามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(2)
กรณีที่ 2
“นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ (Email Scam)” ผู้รับผิดชอบ กก.1 บก.ปอท. ร่วมกับ สตม. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2014/2558 ลงวันที่ 14 ก.ย. 2558 จำนวน 1 ราย ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้ต้องหาประกอบด้วย ชาวไนจีเรีย 3 คน ร่วมกับคนไทย 2 คน ทำเป็นขบวนการลักษณะคนร้ายข้ามชาติ (จับได้ครบทั้งหมด 5 คนแล้ว) มูลค่าทรัพย์สินที่เสียหาย หลายล้านบาท
กรณีที่ 3
“จุบกุมผู้ต้องหาหลอกรักออนไลน์ (Romance Scam) โดยทำเป็นขบวนการ” ผู้รับผิดชอบ กก.2 บก.ปอท. เข้าจับกุมผู้ต้องหา สืบสวนจับกุมผู้ต้องหา 1 คน ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1228/2562 ลงวันที่ 15 ส.ค. 2562 ในพื้นที่จังหวัพระนครศรีอยุธยา มูลค่าความเสียหายกว่าล้านบาท
กรณีที่ 4
“จับกุมผู้ต้องหาแอบอ้างข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย แล้วหลอกลวงขายสินค้าออนไลน์จำนวน 2 ราย (โทรศัพท์ และเสื้อผ้า มูลค่าความเสียหาย 5 ล้านบาท)” ผู้รับผิดชอบ กก.2 บก.ปอท. สืบสวนจับกุมผู้ต้องหา 3 คน เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.247/2561 , ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 291/2562 และผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1307/2562 โดยจับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดสมุทรสาคร
กรณีที่ 5
“แอบอ้างว่าเป็นลูกสาวของประธานาธิบดีของประเทศจีน” ผู้รับผิดชอบ กก.3 บก.ปอท. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุย เข้าทำการตรวจยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิด ได้ในบ้านพักพื้นที่อำเภอบ่อผุด จังหวัดสุราษฎร์ธานี
กรณีที่ 6
“ข่าวแม่น้ำโขงแห้ง ปลาสูญพันธุ์” ผู้รับผิดชอบ กก.3 บก.ปอท. นำหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นที่บ้านพัก ในอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี และได้นำตัวมาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(2)
กรณีที่ 7
“หลอกขายผลิตภัณฑ์ประหยัดไฟฟ้า” ผู้รับผิดชอบ กก.3 บก.ปอท. ร่วมกับ บก.ปคบ. นำหมายค้นไปยังโกดังเก็บสินค้าในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และอำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ตรวจยึดผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก และได้สืบสวนติดตามผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นชาวต่างชาติ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กรณีที่ 8
“แอบอ้างนามสกุลนายกรัฐมนตรี หลอกขายของออนไลน์” ผู้รับผิดชอบ กก.3 บก.ปอท. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1328/2562 ลงวันที่ 30 ส.ค. 2562 โดยแอบอ้างใช้นามสกุลนายกรัฐมนตรีหลอกขายสินค้าทางออนไลน์ เพื่อหวังให้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งกระทำมาแล้วเป็นเวลาสี่เดือน มูลค่าความเสียหายนับแสนบาท
กรณีที่ 9
“เพจเฟซบุ๊ก รับสมัครนักรบล้มล้างการปกครอง” ผู้รับผิดชอบ กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นที่บ้านพักย่านเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ได้พบกับผู้กระทำความผิด และรับว่าได้กระทำจริง จึงได้นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายข้างต้นต่อไป (มาตรา 14(3) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116