ดาวโจนส์ร่วง 76 จุด เฟดส่งสัญญาฯขึ้นดอกเบี้ยรอบหน้า

  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อคืนนี้
  • นักลงทุนบางส่วนผิดหวัง เทขายหุ้น หลังรายงานเฟดชี้ยังต้องขึ้นดอกเบี้บยต่ออีก 0.25% ภายในสิ้นปีนี้
  • เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแกร่ง เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจมาอยู่ที่ 2.1%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันพุธ (20 ก.ย.) ที่ 34,440.88 จุด ลดลง 76.85 จุด หรือ -0.22%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,402.20 จุด ลดลง 41.75 จุด หรือ -0.94% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,469.13 จุดลดลง 209.06 จุด หรือ -1.53%

นักลงทุนกังวลอัตราดอกเบี้ยที่ยังมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง โดยแม้ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี โดยการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ เนื่องจากเฟดยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อ

โดยคณะกรรมการ FOMC ได้เปิดเผยรายงานสรุปการคาดการณ์เศรษฐกิจ (Summary Economic Projections – SEP) และการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่กรอบ 5.50%-5.75% ภายในสิ้นปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งสู่ระดับ 5.1% ภายในช่วงสิ้นปี 2567 และแตะ 3.9% ภายในช่วงสิ้นปี 2568

อย่างไรก็ตาม เฟดคาดการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น โดยปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐสู่ระดับ 2.1% ในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.0% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงสู่ระดับ 3.3% ภายในสิ้นปีนี้, แตะระดับ 2.5% ภายในสิ้นปี 2567 และแตะระดับ 2.2% ภายในสิ้นปี 2568 โดยเฟดคาดว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ในปี 2569 ซึ่งช้ากว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณในระหว่างแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า การที่เงินเฟ้อของสหรัฐจะกลับสู่เป้าหมายของเฟดนั้น ยังต้องใช้เวลาอีกนาน

ดัชนีแนสแด็ก ถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงแรง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.4% หุ้นแอปเปิ้ล ดิ่งลง 2% หุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 2.94% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 1.46%

หุ้นพินเทอเรสต์ (Pinterest ) ดีดตัวขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือน ส.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board