- ตัวเลขบ่งชี้การผลิตของสหรัฐหดตัวครั้งแรกรอบ 3 ปี
- ท่าทีเจรจายุติสงครามการค้า-สหรัฐฯรอบใหม่ไม่คืบหน้า
- “เบรทซิท” เจอพิษงูเห่ากระทบอังกฤษอาจเลือกตั้งใหม่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์วันที่ 3 ก.ย.ปิดตลาดที่ 26,118.02 จุด ลดลง 285.26 จุด หรือ -1.08% ขณะที่ดัชนี แนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 7,874.16 จุด ลดลง 88.72 จุด หรือ -1.11% ดัชนีเอสแอนด์พu 500 ปิดที่ 2,906.27 จุด ลดลง 20.19 จุด หรือ -0.69%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงต่อเนื่องติดต่อกัน หลังจากแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพื่อยุติสงครามการค้า ยังไม่มีทีท่าว่าจะตกลงกันได้ง่ายๆ ตัวเลขเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาไม่น่าพอใจ โดยภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี รวมทั้งความกังวลต่อประเด็นการออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) ซึ่งรัฐบาลอังกฤษเจอปัญหางูเห่า แพ้โหวตในสภา ทำให้การเดินหน้าเบรทซิทมีความไม่แน่นอนอีกครั้ง
ทั้งนี้ ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 49.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2559 จากระดับ 51.2 ในเดือนก.ค. ซึ่งดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงในเดือนส.ค.
โดยหลังจากที่สหรัฐและจีนเริ่มบังคับใช้มาตรการตอบโต้ด้านภาษีศุลกากร ในวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยสหรัฐได้เริ่มเก็บภาษี 15% จากสินค้าจีนมูลค่าประมาณ 1.25 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนเริ่มเก็บภาษี 5% จากการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในวันจันทร์ จีนได้ฟ้ององค์กรการค้าโลก หรือWTO ว่าสหรัฐฯทำผิดข้อตกลงทางการค้าระหว่างกัน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาขู่ให้จีนยอมอ่อนข้อในการเจรจา หากรอให้เขาได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 ข้อตกลงจะไม่ง่าย และจีนจะยากลำบากในการเจรจาอย่างแน่นอน
นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เบรกซิท โดยรายงานล่าสุดระบุว่า สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ รวมทั้งสมาชิก 21 รายที่แปรพักตร์จากพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ประสบความสำเร็จในการลงมติด้วยคะแนนเสียง 328 ต่อ 301 เสียง ในการเข้าควบคุมกระบวนการนิติบัญญัติของรัฐสภา โดยความพ่ายแพ้ของพรรครัฐบาลในครั้งนี้ ทำให้ความพยายามของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ที่แยกตัวออกจากสหภาพยุโรปในวันที่ 31 ต.ค. โดยไม่มีการทำข้อตกลงยังไม่เกิดขึ้นและอาจจะทำให้นายบอริส ตัดสินใจยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าเช่นเดียวกันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิพร่วงลงเนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าเช่นกัน ขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจกาสิโนร่วงลงด้วย โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยหุ้นลาสเวกัส แซนด์ส คอร์ป หุ้นวินน์ รีสอร์ท และหุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ท อินเตอร์เนชันแนล ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 2%