- ประธานเฟดยันเศรษฐกิจสหรัฐถูกกระทบแต่ไม่ถดถอย
- นักลงทุนคาดมากขึ้นเฟดลดดอกเบี้ยต่อประชุมเดือนนี้
- จับตาเจรตาการค้ารอบใหม่เจ้าหน้าที่จีน-สหรัฐฯ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 6 ก.ย.ที่ 26,797.46 จุด เพิ่มขึ้น 69.31 จุด หรือ +0.26% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,978.71 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด หรือ +0.09% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 8,103.07 จุด ลดลง 13.75 จุด หรือ -0.17%
ตลาดปรับตัวรับการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนากลางสหรัฐฯ (เฟด)ที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งระบุว่า ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน กำลังถ่วงการตัดสินใจด้านการลงทุนของบริษัทต่างๆ
ขณะที่ ตลาดแรงงานสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง และเฟดจะยังคงดำเนินการที่เหมาะสมต่อไปเพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกไม่มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 130,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 3.7% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ความเห็นของนายพาวเวลล์และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ทำให้นักลงทุนคาดการณ์แนวโน้มที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพิ่มขึ้นในเดือนนี้
โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศเมื่อวานนี้ว่า PBOC จะลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) ลง 0.50% นับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นความพยายามล่าสุดที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจจีน
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวขึ้นมากที่สุด ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง
ทั้งนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯเพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า หลังจากที่จะมีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ระหว่างกันในเดือนนี้และจะเจรจาระดับผู้นำในต้นเดือนหน้า