

- นักลงทุนจีนยาหอม มั่นใจดีนไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนอาเซียน
- ยื่นข้อเสนอ 5 ข้อ เชื่อม GBA กับอีอีซีของไทย
- ดันอุตสาหกรรม เทคโนโลยี นวัตกรรมและท่องเที่ยว กระตุ้นการลงทุน 2 ประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2562 นายหลี่ ซี (H.E. Mr. Li Xi) สมาชิกกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลกวางตุ้ง พร้อมนักลงทุน 200 คน และนักลงทุนไทยเชื้อสายจีนมาก กว่า 800 คน เข้าร่วมงานสัมมนา China (Guangdong) – Thailand Economic and Trade Cooperation Conference ว่า การเดินทางมาเยือนของตน พร้อมกับนำนักธุรกิจจากมณฑลกวางตุ้งเกือบ 200 คน เข้ามาพบกับผู้นำของรัฐบาลไทยในครั้งนี้ เพื่อต้องการเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งทางด้านการค้า การลงทุนและทางด้านสังคม เนื่อง จากรัฐบาลจีนมีนโยบายเปิดเสรีการค้าและการลงทุน
โดยมีการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจทางใต้ของจีนที่เป็นประตูมุ่งสู้เศรษฐกิจภายในประเทศ ภายใต้นโยบายเกรตเตอร์เบย์แอร์เรีย (Greater bay area : GBA) ซึ่งประกอบไปด้วยฮ่องกง กวางตุ้ง และมาเก๊ามาเป็นหัวหอกในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างเส้นทางสายไหมใหม่ (One belt one road) กับอาเซียนและประเทศต่างๆ ในโลก โดยมีเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นจุดเชื่อมทางด้านการค้าและการลงทุนของมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มณฑลกวางตุ้งนับเป็นเขตเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนอันดับหนึ่งของจีน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มีการเติบโตระดับ 10.8% หลายปีติดต่อกัน โดยปี2561 จีดีพีมีมีมูลค่าสูงถึง 9.73 ล้านล้านหยวน และคาดว่า ปีนี้ มูลค่าจีดีพี จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านล้านหยวน และยังเป็นมณฑลที่มีการนำเข้าและส่ง ออกสินค้ามากที่สุดติดต่อกันกว่า 33 ปี ตั้งแต่ปี 2529 เป็นต้นมา นอกจากนี้ มณฑลกวางตุ้ง มีการพัฒนาเพื่อรอง รับอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ด้านวิทยาศาสตร์ หุ่นยนต์ผลิต การใช้ระบบไอที เน้นการลงทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) สูงที่สุดในจีน


ดังนั้น การเดินทางมาในครั้ง มณฑลกวางตุ้งจึงมีข้อเสนอ 5 ประการในการสนับสนุนการค้า การลงทุนและการเชื่อมความสัมพันธ์ ประกอบด้วย 1.กระชับความสัมพันธ์นโยบายกลุ่มประเทศ GBA มายังไทยผ่าน อีอีซีและเชื่อม ต่อไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน 2.ขยายความร่วมมือการลงทุนไทย-จีน ซึ่งล่าสุด มีนักลงทุนไทยลงทุนใน มณฑลกวางตุ้งทั้งหมด 755 โครงการขณะที่นักลงทุนจาก มณฑลกวางตุ้งลงทุนในไทย 113 โครงการ 3.การยกระดับการ ค้า การลงทุน ด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่ e-Commerce ส่งเสริมการพัฒนาระบบ 5 จี 4.ความร่วมมือส่งเสริมด้านประมง เกษตร และการพัฒนาชนบทให้ทันสมัย และ 5.การขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว จากปัจจุบันจีนเดินทางมาเที่ยวไทยปี 2561 จำนวน 1.5 ล้านคน ให้เดินทางมาเที่ยวเพิ่มขึ้น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางของนายหลี่ ซี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประ จำมณฑลกวางตุ้งพร้อมด้วยนักลงทุน 200 คน ถือเป็นคณะใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ความสัมพันธ์กว่า 40 ปีไทย-จีน และต้องขอบคุณที่นายหลี่เดินทางมาเยื่อนไทยเป็นประเทศแรก และยังเหมาะสมกับช่วงเวลาที่ ประเทศไทยได้ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เป็นคนเดิม จึงขอให้มั่นใจไทยว่า เราจะสานต่อนโยบายให้เกิดความต่อเนื่อง พร้อมมุ่งเน้นกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทย และส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง ไทย-กวางตุ้ง ภายใต้นโยบาย GBA (กวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า) เชื่อมต่อกับอาเซียนมายังอีอีซีของไทย
นายสมคิด กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นจังหวะอันดีที่ไทยเป็นประธานอาเซียนซัมมิท ขณะที่กวางตุ้งเป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จึงเป็นข้อต่อสำคัญเชื่อมต่อกับไทยไปยังอาเซียน นับว่าการเชื่อมโยงประชาชนระหว่างอนุภูมิภาค จึงนับเป็นว่า ประโยชน์อย่างมากต่อการมาเยือนในครั้งนี้ เนื่องจากขนาดเศรษฐกิจขอ งอาเซียนมีเติบโต 6-8% ต่อปี แต่ยังมีหลายประเทศที่ยากจน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม) จึงยังต้องการแรงสนับสนุนจากจีน ทั้งทางด้านอุตสาหกรรมและนวัตกรรม โดยมีไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและการลงทุนจึงมีความมั่นใจว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้การค้าการลงทุนสองประเทศแน่นแฟ้นมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่พี่รังแกน้องแต่เป็นพี่ดูแลน้อง
ด้านนายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ประธานหอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า การที่เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์พานักลงทุนเดินทางมาครั้งนี้ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไทย-จีน เพราะการนัดเจรจาธุรกิจครั้งนี้จะสรุปชัดเจนนับ 100 ราย หลังจากได้เจรจาเบื้องต้นไปแล้ว คาดว่าเกิดการลงทุนเพิ่มเติมนับแสนล้านบาทในอนาคต มองว่า หากนายกรัฐมนตรีได้คัดเลือก คณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจ หากหน้าตาเหมือนเดิมและให้เกิดการต่อเนื่องจากเดิมที่เจรจากันแล้ว จะทำให้นักลงทุนจีนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น.