จับตา! ทิศทางตลาดหุ้นไทน-ค่าเงินบาท



  • สารพัดปัจจัยลบรุมเร้ากดดันตลาดหุ้น-ค่าเงิน
  • รอลุ้นพิพาทการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ยังไม่คลี่คลาย
  • ด้านค่าเงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหว 30.40-30.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (31 ก.ย.- 4 ต.ค.62) ดัชนีปิดปลายสัปดาห์ที่ระดับ 1,605.96 จุด ลดลง 2.30% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 40,481.99 ล้านบาท ลดลง 14.68% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลง 2.40% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 337.32 จุด

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตลอดสัปดาห์ ตามแรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันและต่างชาติ โดยปัจจัยลบที่กดดันตลาด ได้แก่ ความกังวลต่อผลประกอบการของ บจ. ในไตรมาส 3 ที่อาจจะมีทิศทางอ่อนแอ ข้อพิพาทการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ยังคงไม่คลี่คลาย การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ค่อนข้างอ่อนแอทั้งในสหรัฐฯและยูโรโซน ซึ่งกระตุ้นความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงความขัดแย้งระลอกใหม่ระหว่างสหรัฐฯและยุโรป หลังสหรัฐฯ อาจมีการพิจารณาเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากยุโรป

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (7-11 ต.ค.62) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,590 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,620 และ 1,630 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/62 สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป ความคืบหน้าประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมถึงสถานการณ์ BREXIT ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ บันทึกการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ย.ของญี่ปุ่น

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

ในส่วนของค่าเงินบาทช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมาแข็งค่าในช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าลงในช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ ตามการอ่อนค่าของสกุลเงินในภูมิภาค และแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางความกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงจากสงครามการค้า สถานการณ์ BREXIT และสัญญาณการชะลอตัวของภาคการผลิตในสหรัฐฯ และยูโรโซน

นอกจากนี้ สถานะขายสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ก็เป็นปัจจัยลบต่อเงินบาทด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ หลังจากที่เงินดอลลาร์ฯ ยังคงเผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ตอกย้ำทิศทางชะลอตัว อาทิ การจ้างงานภาคเอกชน และดัชนี ISM ภาคบริการในเดือนก.ย. โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.62 เงินบาทอยู่ที่ 30.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 30.64 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (27 ก.ย.62)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (7-11 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.40-30.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือการเจรจาในประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทางออกของเรื่อง BREXIT รวมถึงสัญญาณทิศทางดอกเบี้นโยบายของสหรัฐฯ จากบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย. ถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาสินค้านำเข้า-ส่งออก เดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (เบื้องต้น) เดือนต.ค.