ก.ท่องเที่ยว-ททท.ยึดเทรดโชว์ลอนดอน WTM 2023 อัด 3 กิจกรรมดันปี’67 ทำรายได้เข้าเป้า 1.92 ล้านล้าน



รมว.สุดาวรรณ นำททท.และธุรกิจท่องเที่ยวไทย ยึดพื้นที่เทรดโชว์ WTM 2023 กรุงลอนดอนหวังปี 67 กวาดรายได้เข้าเป้า 1.92 ล้านล้านบาท

  • ลุยอัด 3 กิจกรรม “แจกงรางวัลยั่งยืน-เปิดตัวหนังโฆษณา-ขาย 20 เส้นทาง ปรับลดชดเชยคาร์บอน”
  • ปี’67 หวังทั่วโลกหอบเงินเที่ยวไทย 1.92 ล้านล้านบาท เล็งตลาดคุณภาพยุโรป 5 กลุ่มใหญ่

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ระหว่างนำภาครัฐและเอกชนไทยเข้าร่วมงานเทรดโชว์ท่องเที่ยวระดับโลก World Travel Market (WTM) 2023 ททท.ได้จัดกิจกรรมAmazing Thailand Press Conference 2023 พร้อมกับมอบราวัล Responsible Thailand Awards 2023 ตอกย้ำภาพลักษณ์ไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ททท.ได้พัฒนาห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินกิจการให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) ร่วมสร้างความมั่นคงและความสมดุลทางการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นทุกมิติ โดยรัฐบาลไทยมีนโยบายมุ่งมั่นยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมุ่งสู่ความยั่งยืน ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การมอบรางวัล Responsible Thailand Awards 2023 ททท.ตั้งใจผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน โดยได้พัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism Goals : STGs) 17 เป้าหมาย ต่อยอดจากการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนาสินค้าและบริการท่องเที่ยวด้วยมาตรฐานให้บริการอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ครั้งนี้จึงได้มอบรางวัลให้แก่หน่วยงานที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

โดยมีหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัล 6 สาขา ได้แก่ 1.สาขา Animal Welfare – Mahouts Elephant Foundation 2.สาขา Nature, Marine & Heritage – New Heaven Reef Conservation Program 3.สาขา Community Based Tourism – Kao Thep Pitak 4. สาขา Hotel – Devasom Khao Lak Resort 5. สาขา Eco-Lodge/ Eco-Hotel – Elephant Hills 6.สาขา Green Step – Pattaya Elephant Sanctuary

ภายในงานยังได้นำเสนอสถานการณ์การท่องเที่ยวกับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทยให้นานาประเทศที่เข้าร่วมงานได้รับรู้อย่างทันเหตุการณ์ โดย ททท.รุกเจาะกลุ่มศักยภาพในตลาดสหราชอาณาจักรซึ่งใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวสูง มีระยะเวลาพักนาน 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 นักเดินทางที่ชื่นชอบความหรูหรา/Luxury กลุ่มที่ 2 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม/ Wellness กลุ่มที่ 3 นักท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มที่ 4 นักท่องเที่ยวที่ชอบเดินทางซ้ำ ๆ และกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวครั้งแรก เช่น กลุ่มมิลเลนเนียล กลุ่มที่ 5 นักท่องเที่ยวในสหราชอาณาจักรตามพื้นที่ศักยภาพใหม่ๆ

ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า ภายในงาน ททท.ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา “Meaningful Relationship” ซึ่งเป็นแคมเปญสื่อสารการตลาดต่างประเทศปี 2567 เป็นครั้งแรกในงาน WTM 2023 ด้วย รวมทั้งร่วมมือกับสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) และ Tourlink ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจัดกิจกรรม Carbon Neutral Tourism in Thailand by TEATA & Tourlink ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ภายในคูหาประเทศไทย แล้วเชิญผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสหราชอาณาจักรเข้าร่วม 25 ราย

พร้อมกับนำเสนอขายท่องเที่ยวเมืองไทย 20 เส้นทาง ภายใต้แนวคิด ปรับ ลด ชดเชย ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยว เช่น1.ย่านตลาดน้อย เยาวราช กรุงเทพฯ 2.การใช้จักรยานและเรือท่องเที่ยวในตลาดน้ำดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี 3.การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยในจังหวัดเพชรบุรี และเกาะช้าง จังหวัดตราด 4.สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวอีสานตอนเหนือด้วยจักรยานใน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี หนองคาย และเลย 5.การท่องเที่ยวภูเขา ป่า และทะเลในจังหวัดพังงา

ทางด้าน “นายนิธี สีแพร” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในงานWTM 2023 ทางฝ่ายสื่อสารการตลาด ททท. ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด “Meaningful Relationship” ภายใต้แนวคิด Meaningful Relationship นำเสนอถึงมิตรภาพและความผูกพัน (Heartfelt Connections) ความยาว 3 นาที 37 วินาที เน้นเล่าเรื่องราวผ่านประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว 3 ชาติ 3 ภาษา ได้แก่ เกาหลีโปรตุเกส และฝรั่งเศส โดยมีคำบรรยายภาษาอังกฤษควบคู่อยู่ด้วย โดยวางแผนเผยแพร่ในต่างประเทศข้ามปีตั้งแต่6 พฤศจิกายน 2566 – 31 ตุลาคม 2567 ผ่านสื่อออฟไลน์และออนไลน์ และททท. สำนักงานต่างประเทศทั่วโลกทั้ง29 แห่ง ให้เข้าถึงกลุ่มคุณภาพ มุ่งส่งเสริมการตลาดควบคู่การโฆษณาประชาสัมพันธ์ กระตุ้นนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศมาไทยภายในปี 2566 ประมาณ 25-30 ล้านคน ปี 2567 พร้อมใช้จ่ายเงินเข้าเป้าหมาย 1.92 ล้านล้านบาท

เป็นภาพยนตร์โฆษณาที่ใช้วิธีบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์การท่องเที่ยว 3 รูปแบบ รุกเจาะ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวตามกระแสนิยม หรือ Trendy Tourist กลุ่มที่ 2 ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรมประเพณี หรือ Soulful Explorers กลุ่มที่ 3 ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมหรือ Conscious Advocate

เลือกพื้นที่จุดขายเชิญชวนนักเดินทางทั่วโลกมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวเมืองไทย 4 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรีนครพนม ชุมพร และกรุงเทพมหานคร แต่ละการเดินทางสามารถถักทอเรื่องราวความรัก หลอมรวมผู้คน รสชาติ ความงามของธรรมชาติ บ่มเพาะจนเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าและความหมาย ระหว่างตัวตนของพวกเขากับผู้คนท้องถิ่น ชุมชน ธรรมชาติ และประเทศไทยในแง่มุมต่าง ๆ

ส่วนเนื้อหาในภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ได้สื่อถึงการเพิ่มคุณค่าและความหมายทุกช่วงเวลาเมื่อเดินทางมาเที่ยวมืองไทยผ่านการมีส่วนร่วมและแบ่งปันประสบการณ์ต่าง ๆ ระหว่างนักท่องเที่ยวกับสิ่งที่พบเจอต่าง ๆ ทั้งเรื่องอาหารการกินอันเป็นเอกลักษณ์ มิตรไมตรีของคนท้องถิ่น ธรรมชาติอันงดงามช่วยเยียวยาจิตใจ เกิดมิตรภาพและความประทับใจ นำไปสู่การแบ่งปันทั้งการให้และการรับ (Give & Get) กลายเป็นความทรงจำและความสัมพันธ์แน่นอันแน่นแฟ้นติดตรึงอยู่ในใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มาเยือน กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้ระลึกถึง แล้วอยากกลับมาใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยมากขึ้นได้ตลอดทั้งปี

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen