- ”พาวเวลล์”ระบุพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ตอบคำถามกรรมาธิการฯยัน “ไม่ยอมลาออก”
- ตลาดหุ้นแนสแด็กไปได้สวยทุบสถิติสูงสุดอีกรอบ
ปิดตลาดวันที่ 10 ก.ค.ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,860.20 จุด เพิ่มขึ้น 76.71 จุด หรือ +0.29% ขณะที่ดัชนี แนสแด็กปิดที่ 8,202.53 จุด เพิ่มขึ้น 60.80 จุด หรือ +0.75% ทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่ 2 ในช่วง 2 เดือนนี้ ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 กลับลงปิดที่ 2,993.07 จุด เพิ่มขึ้น 13.44 จุด หรือ +0.45% หลังจากได้ปรับขึ้นไปทะลุ 3,000 จุดเป็นครั้งแรกในช่วงระหว่างวัน แต่ไม่สามารถยืนอยู่ได้
ตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาขึ้นเขียวอีกครั้ง หลังจากแกว่งตัวแคบๆ มาหลายวันเพื่อรอปัจจัยใหม่ ซึ่งการซื้อขายวานนี้ ได้รับผลดีจาก ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ ว่า
“เฟดจะดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ปัจจัยลบหลายประการ เช่น ความตึงเครียดทางการค้าและความวิตกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกนั้น กำลังถ่วงแนวโน้มเศรษฐกิจ ส่วนการลงทุนของภาคธุรกิจในสหรัฐได้ชะลอตัวลงในระยะนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ที่ระดับ 2% และคาดว่าจะต่ำกว่าเป็าหมายนานกว่าที่เฟดคาดไว้ ขณะที่ในภาพรวมแม้การขยายตัวของการบริโภคจะดีขึ้น แต่เศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 น่าจะชะลอตัวกว่าไตรมาสแรก”
นอกจากนั้น นายพาวเวลล์ ยังได้ตอบคำถามของกรรมาธิการท่านหนึ่งหากมีแรงกดดัน หรือการพูดคุยเพื่อให้นายพาวเวลล์ลาออก จากประธานาธบดีสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” โดยนายพาวเวลล์ ตอบว่า “เขาจะไม่ทำตาม”
นักลงทุนยังมีความหวังในการลดดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น โดยกลับมาเชื่อมั่น 100% ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ เมื่อรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 18-19 มิ.ย.ที่เปิดเผยในวันที่ 10 ก.ค.เช่นกัน ระบุว่า มีกรรมการเฟดหนึ่งคนคือ นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ เที่ลงมติให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ผ่านมา
และแม้มีมติคงดอกเบี้ย แต่กรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ เมื่อพิจารณาจากความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่อาจทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะขาลง โดยหากมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมปลายเดือนนี้จะถือว่าเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2551
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ หลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1.46% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.75% และหุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.02%
หุ้นที-โมบาย พุ่งขึ้น 4.6% หลังจากสื่อรายงานว่า ธุรกิจของที-โมบายมีแนวโน้มที่จะแซงหน้าบริษัทเรด แฮท อิงค์ หลังจากอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) ได้เสร็จสิ้นการซื้อกิจการเรด แฮท ขณะที่หุ้นเทสลา ยังพุ่งขึ้นต่อ 3.85% หุ้นคอมแคส พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นคอมแคสขึ้นสู่ระดับ “buy” จากระดับ “hold” โดยคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะขยายตัวแข็งแกร่ง
