“กรมศุลากร”จับคนลักลอบขน “แบรนด์เนม” ได้เพียบ!



  • แค่11 เดือนของปี 62 จับสินค้าแบรนด์เนมหนีภาษี 90 ล้านบาท
  • ชี้ใครแจ้งเบาะแสมีรางวัลนำจับ 20%
  • สั่งตรวจเข้มลูกเรือสายการบินทุกแห่ง

นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่าปัจจุบันยังพบการลักลอบขนสินค้าแบรนด์เนมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยในปีที่ผ่านมากรมศุลกากรสามารถจับกุมสินค้าแบรนด์เนมลักลอบได้ทั้งหมด 60 ล้านบาทต่อปี ส่วนในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2562 (1 ต.ค.61- 3 ก.ย.62) จับกุมสินค้าแบรนด์เนมลักลอบได้เพิ่มขึ้นถึง 90 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเมื่อถูกจับได้ว่ามีทำการลับลอบขนสินค้า ผ่านช่องที่ไม่มีสิ่งของต้องสำแดง (Nothing to Declare) หรือ ช่องสีเขียว ผู้ที่ถูกจับได้กว่า 90% ยินยอมให้ริบสินค้ามากกว่าถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย เนื่องจากโทษตามกฎหมาย คือ ปรับเป็นเงิน 4 เท่าของของราคารวมค่าภาษีอากร หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับและจำ

“หากประชาชนรายใดก็ตาม แจ้งเบาะแสหรือมีหลักฐานเกี่ยวกับผู้การลักลอบขนสินค้าหนีภาษีส่งมาให้ที่กรมศุลกากร และเมื่อกรมตรวจสอบว่ามีความผิดจริง คนแจ้งเบาะแสจะได้รางวัลนำจับจากกรม 20% ของมูลค่าสินค้าที่นำไปประมูลขายได้ไม่เกิน 5 ล้านบาท ”

ส่วนการจัดเก็บรายได้กรมศุลกากร เดือนส.ค.ที่ผ่านมา กรมจัดเก็บรายได้จำนวน 8,708 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณจำนวน 592 ล้านบาท หรือ 6.4% ส่วนในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2562 กรมจัดเก็บรายได้จำนวน 100,312 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ  7,731 ล้านบาทหรือ 8.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.3%

ด้านนายธาดา ชุมไชโย ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร กล่าวว่า กรณีที่มีแอร์โฮสเตสของสายการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ลักลอบขนสินค้าแบรนด์ดังเข้ามาแบบผิดกฎหมาย กรมขอชี้แจงว่า ได้มีการหารือกับเบื้องต้นกับการบินไทยแล้ว ซึ่งการบินไทยพร้อมจะร่วมมือให้ตรวจสอบลูกเรือได้ทุกคน และขอยืนยันว่าการตรวจสอบลูกเรือสายการบินมีการจัดช่องเขียวและช่องมีของต้องสำแดง หรือ ช่องแดง ให้ลูกเรือสำแดงว่ามีสินค้าต้องเสียภาษีหรือไม่เช่นเดียวกับผู้โดยสารทั่วไป

อย่างไรก็ตามปัจจุบันกรมยังใช้ระบบบริหารความเสี่ยงสุ่มตรวจจับ โดยยังไม่มีการตรวจค้น 100 %  เนื่องจากจะกระทบการเดินทาง แต่ต่อจากนี้กรมจะเข้มงวดในการตรวจสอบลูกเรือของทุกสายการบินให้มากขึ้น 

“คาดว่าหลังจากกรมติดตั้งเครื่องเอ็กซ์เรย์แบบคร่อมสายพานที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้ง 23 เครื่อง เสร็จสิ้นและเริ่มเปิดใช้ระบบต้นปีหน้า จะสามารถตรวจสอบสินค้าลักลอบผ่านทางกระเป๋าของผู้โดยสารได้มากขึ้น  ซึ่งจะช่วยลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ซึ่งทำให้เกิดประเด็นความไม่เป็นกลางในการตัดสินใจ”

ทั้งนี้ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา กรมศุลกากรพบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ศุลกากร พ.ศ. 2560 จำนวน 2,869 คดี คิดเป็นมูลค่ารวม 252.7 ล้านบาท  แบ่งเป็น คดีลักลอบ 18.4% และคดีหลีกเลี่ยง 81.6% โดยสินค้าที่มีมูลค่าลักลอบนำเข้าสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ยาเสพติดประเภท เคตามีน โคคาอีน และเมทแอมเฟตามีน ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าลักลอบส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ยาเสพติดประเภท เมทแอมเฟตามีน กระบือมีชีวิต และบุหรี่