- ไม่ให้ราคาในไทยปรับขึ้นฝ่าวิกฤตซาอุดิอาระเบีย
- ส่งผลเงินรายได้กองทุนน้ำมันติดลบ 813 ล้านบาท/เดือน
- เริ่มวันที่ 18 ก.ย. นี้ไปถึงสิ้นปีนี้
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า กบง.ได้พิจารณาผลกระทบจากระดับราคาน้ำมันดิบดูไบ 65.25 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ที่ปรับขึ้นมาเฉลี่ย 5 เหรียญฯต่อบาร์เรล จากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และอาจกระทบต่อระดับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศให้ปรับขึ้นได้ กบง.จึงเห็นชอบใช้กลไกกองทุนน้ำมันเข้ามาดูแล ด้วยการปรับลดอัตราการเก็บเงินน้ำมันกลุ่มเบนซินลง 1 บาทต่อลิตร และกลุ่มดีเซลลง 0.60 บาทต่อลิตร เพื่อทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศคงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน มีผลตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. เป็นต้นไป
” ค่าการตลาดน้ำมันของผู้ค้าอยู่ที่ประมาณ 1.05-1.40 บาทต่อลิตร ก่อนที่จะมีการปรับลดเงินกองทุนฯ ดังนั้นการลดอัตราเงินกองทุนฯส่งผลให้รายได้ไหลออกจากกองทุนน้ำมัน 813 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิมที่มีเงินน้ำมันไหลเข้า 1,210 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้ก็สามารถดูแลได้ไป 3 เดือนซึ่งจะใช้เงินเพียง 2,439 ล้านบาทเท่านั้น แต่หากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นเกิน 65.25 เหรียญฯต่อบาร์เรล จนกระทบราคาขายปลีกมากก็ต้องมาดูว่าจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันดูแลทั้งหมด หรือจะอุ้มบางส่วน แต่หากราคาลดลงก็จะเก็บเงินคืนเข้ากองทุนฯ ”
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานะของเงินกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา มีฐานะสุทธิ 39,402 ล้านบาทโดยหลังการเปลี่ยนแปลงข้างต้น จะทำให้เงินส่งเข้ากองทุนฯเป็นดังนี้ เบนซินเป็น 7.08 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 1.12 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 1.12 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์อี 20 เป็นอุดหนุน 1.78 บาทต่อลิตร อี 85 อุดหนุน 7.38 บาทต่อลิตร ดีเซลบี 7 อุดหนุน 0.10 บาทต่อลิตร บี 10 อุดหนุน 0.95 บาทต่อลิตรและบี 20 อุดหนุน 4.80 บาทต่อลิตร
ราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ตลาดโลก ล่าสุดเคลื่อนไหว ที่ระดับ 413 เหรียญฯต่อตันปรับขึ้น 59 เหรียญฯต่อตันสอดรับกับทิศทางน้ำมันดิบ ที่ปรับเพิ่มแต่ยังอยู่ในภาวะที่บริหารจัดการได้ โดยภาครัฐยังคงตรึงราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม(กก.)เช่นเดิม เนื่องจากขณะนี้กองทุนน้ำมันในส่วนของ บัญชีแอลพีจีที่ผ่านมาเริ่มมีสถานะเป็นบวก346 ล้านบาทต่อเดือน แต่ฐานะสุทธิติดลบ 5,711 ล้านบาทซึ่งยังอยู่ในกรอบวงเงินที่วางไว้ติดลบไม่เกิน 7,000 ล้านบาท
” กบง. ได้คำนึงถึงปัจจัยต่างๆ แล้วทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันในอนาคตที่คาดว่าสิ้นปีแม้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแต่เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมัน หลายแห่งหยุดซ่อมบำรุงประจำปี จึงมีการลดใช้น้ำมันดิบตามไปด้วย ขณะเดียวกันสหรัฐฯได้ประกาศว่า พร้อมที่จะนำน้ำมัน สำรองออกมาใช้ หากตลาดโลกขาดแคลน จึงทำให้ระดับราคาน้ำมันโลกเคลื่อนไหวยังไม่รุนแรงนัก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอย ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันของโลกในภาพรวมไม่สูงมากนัก “
ทั้งนี้ ที่ประชุม ยังได้รับทราบมาตรการในด้านการจัดหา ให้สามารถกระจายการจัดหาน้ำมันจากแหล่งอื่นๆ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประเทศโอมาน และการ์ต้า เป็นต้น เพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมันจากซาอุดีอาระเบียประมาณ 170,000 บาร์เรลต่อวันที่ขาดหายไปในขณะนี้ และ ในส่วนการบริหารจัดการปริมาณน้ำมันของประเทศไทย ก็ยังมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการใช้ในช่วงที่คาดว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ โดย ณ วันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำมันคงเหลือและปริมาณสำรองของประเทศไทย มีปริมาณรวม 6,407 ล้านลิตร เพียงพอใช้ได้ 54 วัน